วี welove

23 พ.ค. 20233 นาที

"The Long And Winding Road" เพลงที่ทำลายสายใย ความหวังสุดท้ายของ The Beatles

อัพเดตเมื่อ: เม.ย. 2

วันนี้ (23 May) ในปี 1970 เพลง "The Long And Winding Road" เข้ามาใน Billboard Hot 100 เป็นสัปดาห์แรกที่อันดับ 35 ก่อนจะไปจบที่อันดับ 1 ในวันที่ 13 มิถุนายน ปี 1970 วันนี้จึงขอถือโอกาสคุยถึงเพลงนี้อย่างละเอียด ตามลำดับหัวข้อดังนี้ ต้นเหตุสำคัญ/การบันทึกเสียง/เมื่อ Phil Spector ยึดห้องอัด/ สูงสุดคืนสู่สามัญที่ถูกมองข้าม / เมื่อพอลเอาผิด แต่กลับถูกจับผิด / ความนิยมสูงสุดในอเมริกา / สัพเพเหระ

ช่วงปลายยุค 60s The Beatles ใกล้จะถึงทางตัน อัลบั้มสุดท้ายที่ปล่อยออกมาคือ อัลบั้ม "Let It Be" และเพลง "The Long And Winding Road" จากอัลบั้มชุดนี้ก็กลายเป็นซิงเกิ้ลอันดับ 1 เพลงสุดท้ายของวงในอเมริกา ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้วง The Beatles ต้องยุบวงในที่สุด

Phil Spector ต้นเหตุสำคัญ

อัลบั้ม "Let It Be" ถูกมิกซ์เสียงใหม่โดย Phil Spector โปรดิวเซอร์ที่มาแทน George Martin รวมถึงเพลง "The Long And Winding Road" ของ Paul McCartney ก็ถูกมิกซ์เสียงใหม่โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากพอลเช่นกัน

พอลแต่งเพลงนี้ด้วยเปียโนที่บ้านในฟาร์มที่สกอตแลนด์ สถานที่ๆสวยงามและเงียบสงบซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนเพลงนี้ ถนนที่พอลพูดถึงคือถนนสาย "B842" ซึ่งวิ่งผ่านชายฝั่งตะวันออกของ "Kintyre" ไปยังเมือง Campbeltown ซึ่งอยู่ใกล้ๆฟาร์มของเขา

ดังนั้นเมื่อ Phil Spector เพิ่มเสียงเครื่องสาย และเสียงคณะนักร้องประสานเสียงลงไปในเพลงจนฟังคล้ายแนวเพลงของ Mantovani จึงทำให้พอลไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง คนที่แบกรับความโกรธนี้คือ Allen Klein ผู้จัดการคนใหม่ของ The Beatles ซึ่งมีจอห์น จอร์จและริงโก้เป็นผู้หนุนหลัง

Allen Klein, Phil Spector และ George Harrison

พอลเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า

"ไม่มีใครถามสักคำเลยว่าผมคิดยังไง ไม่น่าเชื่อจริงๆ ผมไม่เคยคิดจะเอาเสียงประสานของผู้หญิงมาใส่ในเพลงของ The Beatles"

พอลจึงยื่นจดหมายถึง Allen Klein เพื่อขอให้มีการแก้ไขใหม่ โดยมีสาระสำคัญรวม 4 ข้อ โดย 2 ข้อแรกมุ่งเน้นให้ลดส่วนที่เป็นดนตรีออเคสตร้า ข้อที่ 3 ต้องการให้ตัดเสียงพิณออกไป และข้อสุดท้ายสั้นๆแต่ได้ใจความ “Don’t ever do it again.”(อย่าหาได้ทำอีก)

เมื่อไม่ได้ตามที่ขอ ทุกอย่างก็จบ

หลังจากที่ Allen Klein ได้รับจดหมายฉบับนั้น เขาจึงรีบโทรกลับหาพอลทันที แต่พอลเปลี่ยนเบอร์โทร เขาจึงส่งโทรเลขไปแทน และเมื่อติดต่อกันได้ พอลยังยืนยันตามที่ขอไว้ในจดหมาย แต่มันใกล้วันเปิดตัวภาพยนตร์ "Let It Be" อัลเลนจึงไม่สามารถทำอะไรได้ทัน จึงปล่อยซิงเกิ้ลเพลง "The Long And Winding Road" เวอร์ชั่นของ Phil Spector ออกสู่ตลาด

และนั่นจึงเป็นจุดจบของ The Beatles เพราะในอีกไม่กี่วันในวันที่ 10 เมษายนปี 1970 พอลก็ประกาศลาออกจากวง The Beatles

ใครอยากรู้ว่าเวอร์ชั่นที่พอลอยากให้เป็น เป็นอย่างไร คลิกดูคลิปนี้

การบันทึกเสียง

เราจะได้ฟังเสียงเปียโนนุ่มๆของพอล ตามด้วยเสียงดนตรีเบาๆจากบีทเทิ้ลที่เหลือ ไม่น่าเชื่อว่าพอไปอยู่ในมือของ Phil Spector กลายเป็นเพลงที่มีเครื่องดนตรีมากมายจากนักดนตรีหลายสิบคน รวมถึงเสียงร้องประสานจากนักร้องประสานเสียง

ถ้าใครที่เคยชมสารคดีเพลง "Get Back" ทางช่อง Disney+hotstar คงจะจำได้ว่า The Beatles เริ่มซ้อมเล่นเพลงนี้ในวันที่ 7 มกราคม ปี 1969 ที่ Twickenham Studios และอีกครั้งในวันที่ 26 มกราคมก่อนที่จะเข้าห้องบันทึกจริงที่ Apple Studios โดยเล่นเพลงกันสดๆ บรรยากาศสบายๆในวันที่ 31 มกราคม (1 วันหลังจากที่พวกเขาขึ้นไปเล่นบน Rooftop อันเลื่องชื่อ)

โดยมีพอลร้องนำแล้วเล่นเปียโน ส่วนจอห์นเล่นเบส 6 สายแทนริทึ่มกีต้าร์ที่เล่นพลาดบ่อย จอร์จเล่นกีต้าร์ไฟฟ้า ริงโก้กลอง และ Billy Preston มาช่วยเล่นเปียโนไฟฟ้า อย่างไรก็ตามเวอร์ชั่นที่ถูกเลือกเอาไปทำต่อคือเทปที่บันทึกกันในวันที่ 26 มกราคม เนื่องจากสมบูรณ์แบบกว่า

หลังจากนั้นทุกอย่างก็ถูกเก็บเข้าลิ้นชัก จนกระทั่ง..ต้นเดือนมกราคมของปีถัดไปในปี 1970 ทุกอย่างก็ถูกจุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง แต่กลายเป็นประกายเพลิงไหม้ เผาทำลายพวกเขาในเวลาต่อมา

Allen Klein ถ่ายคู่กับ John & Yoko

เมื่อ Phil Spector ยึดห้องอัด

ต้นเดือนมกราคม ปี 1970 จอห์นกับจอร์จได้ส่งเรื่องขอให้ Allen Klein ผู้จัดการช่วยพิจารณาแต่งตั้งให้ Phil Spector มาทำงานในอัลบั้ม "Let It Be"

เพราะหลังจากที่ Allen Klein ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการคนใหม่ของ The Beatles ดูเหมือนว่าพอลจะทำตัวห่างเหินจากเพื่อนๆ เนื่องจากเพื่อนๆไม่สนับสนุนพ่อตาของพอลมาเป็นผู้จัดการ

และเมื่อต้องขอความเห็นชอบจากเขาเพื่อแต่งตั้ง Phil Spector มาเป็นโปรดิวเซอร์ในอัลบั้ม "Let It Be" พอลจึงไม่อยู่นิ่งเฉยอีกต่อไป

Phil Spector เริ่มเข้ามาทำงานในวันที่ 26 มกราคม ปี 1970 หนึ่งปีเต็มนับจากวันที่เริ่มทำเทปต้นฉบับเพลง "The Long And Winding Road" และเมื่อจอห์นยื่นเทปนี้ให้กับฟิล การเพิ่มเสียงวงออเคสตร้าก็เกิดขึ้นในวันที่ 1 เมษายน ปี 1970 ที่ห้องบันทึกเสียง EMI Studios พร้อมๆกับเพลง Across The Universe และ I Me Mine

ครั้งนั้นเป็นการบันทึกเสียงครั้งสุดท้ายของวง The Beatles โดยมีสมาชิกเพียงคนเดียวที่ทำงานกับ Phil Spector ในวันนั้นคือ Ringo Starr กับนักดนตรีประจำห้องอัดเพื่อสร้างเสียงแบบ Wall of Sound ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Phil Spector แต่ในวันนั้นเขามีอารมณ์ไม่ปกติ ซึ่งเป็นเรื่องปกติเมื่อเขาทำงานอยู่ในห้องอัด

Peter Brown เอนจิเนียร์เล่าให้ฟังว่า

"ฟิลต้องการเทปที่มีเสียงเอคโค่ในทุกขั้นตอน ทุกครึ่งชั่วโมงเขาจะกินยาไม่ซ้ำกันโดยมีบอดี้การ์ดยืนเคียงข้างตลอดเวลา เขายืนเซไปมาและขอให้วงทำตามที่เขาต้องการ จนทำให้วงออเคสตร้าไม่มีสมาธิ สุดท้ายนักดนตรีก็หยุดเล่น ริงโก้จึงต้องเข้ามาปลอบใจฟิลเพื่อให้สงบสติอารมณ์"
George Harrison, Allen Klein และ Phil Spector

สูงสุดคืนสู่สามัญที่ถูกมองข้าม

แม้จะมีอุปสรรคมากมาย แต่สุดท้ายสิ่งที่ Phil Spector เพิ่มเติมเข้าไปในเพลงก็เสร็จเรียบร้อย โดยเพลง "The Long And Winding Road" ถูกเรียบเรียงและควบคุมวงออเคสตร้าโดย Richard Hewson หนุ่มชาวลอนดอนที่เคยร่วมงานกับ Mary Hopkin ในเพลง Those Were The Days

เพลง "The Long And Winding Road" บรรเลงออเคสตร้าโดยวง The Mike Sammes Singers ซึ่งประกอบด้วยไวโอลินถึง 8 ชิ้น วิโอลา 4 ชิ้น เชลโล่ 4 ชิ้น ทรัมเป็ตและทรอมโบนอย่างละ 3 มือกีต้าร์ 2 คนและกลุ่มนักร้องหญิงประสานเสียงอีก 14 คน

และในวันเดียวกันนั้น Phil Spector ยังตัดเสียงกีต้าร์ของจอร์จและเสียงกลองของริงโก้ออกไป จึงเหลือเครดิตในเพลงนี้เพียงแค่พอลกับจอห์นเท่านั้น โดยพอลร้องและเล่นเปียโน ส่วนจอห์นเล่นเบส (เพลงเดียวของ The Beatles ที่จอห์นเล่นเบส)

แม้เพลงออกมาจะฟังดูไพเราะสมราคาเพลงอันดับ 1 เพลงสุดท้ายของ The Beatles แต่สิ่งที่ได้ฟังกลับตรงข้ามกับความตั้งใจของพวกเขาตั้งแต่แรก

The Beatles ต้องการให้เพลงนี้และเพลงอื่นๆในอัลบั้ม "Let It Be" เป็นการบันทึกจากฝีมือของพวกเขาล้วนๆโดยไม่สนใจการปรุงแต่งอะไรมากมายเหมือนอัลบั้มที่ผ่านๆมา คำว่า "สูงสุดคืนสู่สามัญ" น่าจะเหมาะกับพวกเขาในช่วงเวลานั้น แต่ความตั้งใจนั้นไม่ได้หมายความว่าจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ฟิลสร้างสรรค์ออกมา

ในวันที่ 2 เมษายน ปี 1970 หลังจากเสร็จงาน 1 วัน ฟิลได้ส่งสำเนาเพลงทั้งหมดของอัลบั้ม "Let It Be" พร้อมข้อความให้กับจอห์น พอล จอร์จ ริงโก้ เพื่อขอความเห็นชอบ ข้อความที่ฟิลส่งให้บีทเทิ้ลทั้ง 4 เขียนไว้ดังนี้ (ขอแปลแบบไม่เป็นทางการ)

"If there is anything you'd like done to the album, let me know and I'll be glad to help .. If you wish, please call me about anything regarding the album tonight."
"ถ้ามีอะไรจะแก้ไขเพิ่มเติมในอัลบั้มชุดนี้ บอกผม ยินดีเลยครับ ถ้ามีก็โทรหาผมได้เลยคืนนี้"

หลังจากที่ทั้ง 4 คนได้เปิดฟังเทปอัลบั้มชุดนี้ ทุกคนต่างเซ็นเห็นชอบตอบกลับผ่านทางโทรเลข โดยไม่มีความเห็นใดๆเพิ่มเติม

แต่ในวันแถลงข่าวอัลบั้มเดี่ยว "McCartney" ในวันที่ 9 เมษายน พอลได้ออกมายอมรับว่าไม่พอใจและไม่ยอมรับงานที่โปรดิวซ์โดย Phil Spector โดยเฉพาะกับเพลง "The Long and Winding Road" จึงขอลาออกจากวง The Beatles กลายเป็นข่าวใหญ่ในวันถัดไปในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ

George Martin พูดถึงเพลง The Long And Winding Road ในส่วนที่ Phil Spector ทำออกมาว่า

"ไม่มีความเป็น The Beatles หลงเหลือ" (so uncharacteristic)

ก็คงต้องหมายความอย่างนั้น เพราะทุกอัลบั้มโปรดิวซ์โดย George Martin เว้นแต่อัลบั้ม "Let It Be" ส่วน John Lennon ไม่ยอมรับว่ามีส่วนร่วมกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนั้น ซึ่งต่อมาจอห์นให้ความเห็นเกี่ยวกับเพลงนี้ว่า ผลงานของฟิลที่ทำออกมานั้นน่ารังเกียจพอๆกับอ๊วก (ไม่แน่ใจว่าจอห์นพูดออกมาเพื่อประชดประชันหรือไม่)

Phil Spector ถ่ายกับ Cyntia และ John Lennon ช่วงกลางยุค 60s

เมื่อพอลเอาผิด แต่กลับถูกจับผิด

และต้นปี 1971 พอลได้ยื่นฟ้องศาลเพื่อขอยุบวง The Beatles โดยมี Allen Klein และบีทเทิ้ลที่เหลือตกเป็นจำเลย พอลให้เหตุผลรวม 6 ข้อเพื่อให้ศาลพิจารณา หนึ่งในนั้นคือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพลงของเขา "The Long And Winding Road" โดยพลการ

ริงโก้แก้ต่างว่าพอลยอมรับการแก้ไขครั้งนั้นโดยการเซ็นยอมรับและจากการคุยกันทางโทรศัพท์ระหว่างเขากับพอล

ข้อสังเกตอื่นๆที่หลายฝ่ายพยายามจับผิดข้ออ้างของพอลในข้อนี้คือ ถ้าเขาไม่ยอมรับการแก้ไขของฟิล แล้วทำไมพอลจึงยอมรับรางวัลแกรมมี่ เมื่อครั้งอัลบั้ม "Let It Be" ได้รับรางวัลสาขา "Best Original Score Written for a Motion Picture or Television Special" หรือทำไมพอลจึงยอมให้เสียง(ผู้หญิง)ของ Linda ภรรยาของเขาปรากฏอยู่ในผลงานของเขาหลังยุค The Beatles

Phil Spector แก้ต่างข้อกล่าวหาทั้งหมด

Richard Williams นักข่าวสายดนตรีเล่าให้ฟังหลังจากที่งานชิ้นนี้เพิ่งทำเสร็จว่า Phil Spector ได้ถามบีทเทิ้ลแต่ละคนว่า มีใครสนใจมาร่วมโปรดิวซ์อัลบั้ม "Let It Be" กับเขาบ้าง ซึ่งไม่มีใครตอบรับ อีกทั้งยังเสนอให้เขาเอาวงออเคสตร้าใส่เข้าไปในเพลงนี้ เพื่อกลบเกลื่อนเสียงเบสของจอห์นที่ทำออกมาไม่ค่อยดี

นอกจากนี้ฟิลยังบอกอีกว่าเขาได้ปรึกษาพอลตั้งแต่ต้นเกี่ยวกับตัวเลือกคนที่จะมาเรียบเรียงเพลงนี้ด้วย และถ้าเขาไม่ยอมรับเรื่องเหล่านี้ ทำไมพอลจึงยอมรับรางวัลแกรมมี่ และทำไมคอนเสิร์ตหลังๆของพอลจึงนำเครื่องสายมาเล่นกับเพลงนี้..ฟิลตอบกลับได้เจ็บแสบ แต่เป็นการสัมภาษณ์ของ Phil Spector ในปี 2003 ก่อนที่เขาจะถูกจับในข้อหาฆาตรกรรม Lana Clarkson นางแบบสาวที่คฤหาสน์ของเขาในเดือนกุมภาพันธ์ปีเดียวกัน

ความนิยมสูงสุดในอเมริกา

เพลงเวอร์ชั่นนี้ได้รับการตอบรับจากแฟนเพลง The Beatles เป็นอย่างดี หลายคนมองว่าสิ่งที่ Phil Spector ทำออกมา ไม่ได้มากมายจนเพลงออกมาไกลจากความเป็น Beatles เพลงสามารถขึ้นถึงอันดับ 1 บน Hot 100 อย่างไรก็ตามพอลก็ยังคงยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้วงแตก..

ในอเมริกาซิงเกิ้ลเพลง "The Long And Winding Road" ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ปี 1970 ก่อนอัลบั้ม 1 สัปดาห์ และเข้าสู่ Top 40 ในสัปดาห์แรกเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่อันดับ 35 แล้วกระโดดไปที่อันดับ 12 และ 10 ในสัปดาห์ถัดไป และก้าวข้ามเพลงอื่นๆขึ้นอันดับ 1 ในวันที่ 13 มิถุนายน ปี 1970 และอยู่อันดับ 1 นาน 2 สัปดาห์ และวนอยู่ใน Top 40 นาน 10 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามเพลงที่อยู่ในอัลบั้มเป็นคนละแทร็กกับซิงเกิ้ลที่ออกมา

สรุป Time Line

รายละเอียดTimeline ตามนี้ :-

  • 26 มกราคม ปี 1969: ซ้อมก่อนบันทึกเสียงหลายเทค

  • 31 มกราคม ปี 1969: บันทึกเสียงที่ Apple Studios

  • 1 เมษายน ปี 1970: Phil Spector เพิ่ม(overdub)เสียงนักร้องประสานเสียงและเสียงออเคสตร้าจากวง The Mike Sammes Singers ลงเทปที่ The Beatles อัดไว้เมื่อต้นปี 1969

  • และวันเดียวกันนั้น Phil Spector ตัดเสียงกีต้าร์ของจอร์จและเสียงกลองของริงโก้ออกไป

  • 2 เมษายน ปี 1970: Phil Spector ส่งเพลงที่เสร็จเรียบร้อยแล้วให้สมาชิกทั้ง 4 ของ The Beatles เซ็นอนุมัติ

  • 11 พฤษภาคมปี 1970 : ออกวางจำหน่ายก่อนอัลบั้ม 1 สัปดาห์

  • 23 พฤษภาคม ปี 1970 (วันนี้ในอดีต) : เข้าสู่ Hot 100 ที่อันดับ 35 (#35 > #12 > #10 > #1)

  • 13 มิถุนายน ปี 1970: ขึ้นสู่อันดับ 1 (อยู่นาน 2 สัปดาห์)

  • เวอร์ชั่นในอัลบั้มและซิงเกิ้ลจะต่างกัน

สัพเพเหระ

Pete Bennett หัวหน้าฝ่ายโปรโมชั่นของ Apple Records ในอเมริกา เล่าประสบการณ์ขำขันระหว่างที่อยู่ในห้องบันทึกเสียงเพลงนี้กันในวันนั้น

"ตอนนั้นผมอยู่ลอนดอนกับพวกเขา(The Beatles) มันตลกมากที่เราทำเพลงนี้กันทั้งคืนทั้งวัน ใช้เวลาปรับแก้ถึง 4 วันจนลืมเรื่องกินไปเลย แต่แพตตี้ภรรยาของจอร์จก็เอาแครรอท ผักขึ้นฉ่าย และกล้วยมาทิ้งไว้ให้กินนะ จนผมกับฟิลต้องแอบหนีไปกินข้างนอกกัน ไม่เคยรู้สึกดีอย่างนี้มาก่อนที่ต้องออกไปหาอะไรกินเพื่อประทังชีวิตอะไรแบบนั้น"

ขอบคุณข้อมูลจาก liverpoolecho.co.uk และ Wikipedia

วี welove /23 May 2022 (updated 2023)

ติดตามทางเพจ Facebook

ติดตามทาง Line

ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.info

    23