top of page
Cateม่วง.png

"The Last Beatles Song" สร้างฝันสุดท้ายให้เป็นจริงของ Paul McCartney

และแล้ว "Now and Then : The Last Beatles song" ก็สร้างกระแสให้กับชาวโลกโดยเฉพาะแฟนเพลง The Beatles ตามความคาดหมาย เพราะผ่านไปแค่วันเดียว ยอดวิว เพลงใหม่ของ The Beatles สูงถึง 6.3 ล้านวิว และยอดวิวเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นกับมิวสิควิดีโอเพลง "Now and Then" แม้จะเพิ่งเปิดตัวไปได้เพียงแค่ 12 ชั่วโมง



แน่นอนว่านับจากนี้ไปยอดจะพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ และเราจะไม่ได้เห็นมิวสิควิดีโอใหม่ๆของ The Beatles อีกต่อไป เพราะมันเป็นสุดท้ายของ "สุดท้ายจริงๆ" (ถ้าจะมีก็คงเป็นวิดีโอเพื่อการตลาดทำขึ้นให้เป็นที่จดจำตามกาลเวลา)


วันนี้จะมาปิดท้ายเรื่องราวของเพลงนี้กันอีกครั้ง ถ้าจะให้สมบูรณ์ใครที่ยังไม่ได้อ่านบทความก่อนหน้านี้ 2 บทความ ที่ลงก่อนที่จะมีการปล่อยซิงเกิ้ลออกมา อยากให้กลับไปอ่านก่อนครับ เพื่อจะทำให้การอ่านเรื่องราวในบทความนี้เข้าใจและไหลลื่นมากขึ้น งั้นไปลุยกันเลยครับ


เทปเดโมที่ยืดอายุของ The Beatles

John Lennon บันทึกเพลงนี้ในปี 1977 ที่ Dakota Apartment ในกรุงนิวยอร์ค ช่วงที่เขาปลีกตัวออกจากวงการดนตรี หันมาเลี้ยงดูลูกอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 1975 เมื่อมีเวลาก็จะทำเพลงเองเล่นๆที่บ้านโดยใช้เปียโนเป็นหลัก


เพลง "Now and Then" เป็นเพลงแนวไซเคเดริคบัลลาดที่เราคุ้นเคยเช่นเดียวกับเพลง "Free As A Bird" และ "Real Love" ซึ่งมาจากเทปเดโมชุดเดียวกับที่โยโกะมอบให้ The Threetles ( Beatle ทั้ง 3) เมื่อปี 1994 จำนวน 2 ม้วนในวันที่ชื่อของ "John Lennon" ถูกจารึกอยู่ในหอเกียรติยศ "Rock and Roll Hall of Frame"


ม้วนแรกมีเพลง "Free As A Bird" และ "Real Love" ซึ่งต่อมา พอล จอร์จ ริงโก้นำมาทำต่อจนเสร็จสมบูรณ์และปล่อยออกมาเป็นซิงเกิ้ลในปี 1995 และ 1996 ตามลำดับ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ 'The Beatles Anthology" ที่มี Jeff Lynne แห่ง ELO เป็นโปรดิวเซอร์


Now and Then อัดแน่นด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่
Now and Then อัดแน่นด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่

ส่วนอีกม้วนมีเพลง "Grow Old With Me" กับเพลง "Now and Then" ซึ่งเพลงแรกโยโกะนำไปทำใหม่ ปรากฏอยู่ในอัลบั้ม Milk and Honey ที่ออกมาในปี 1984 ส่วนเพลงหลัง "Now and Then" แม้จะนำมาทำใหม่ในปี 1995 แต่สุดท้ายก็ถูกเก็บดองนานเกือบ 30 ปี แต่กลับกลายเป็นดี เพราะตอนนี้กลายซิงเกิ้ลประวัติศาสตร์ของ The Beatles ในฐานะเพลงสุดท้ายของวง


เราไปอ่านเรื่องราวการทำงานของเพลง "Now and Then" ก่อนจะกลายเป็นซิงเกิ้ลประวัติศาสตร์ของ The Beatles


ไปไม่ถึงฝั่ง

ในเดือนมีนาคมปี 1995 เพลง "Now and Then" ได้ถูกนำมาทำใหม่เพื่อเตรียมเป็นซิงเกิ้ลที่ 3 ของโปรเจ็ค "The Beatles Anthology" จึงมีการบันทึก backing track แบบลวกๆ ซึ่งรวมถึงแทร็คกีต้าร์ไฟฟ้าและกีต้าร์อะคูสติกที่เล่นโดย George Harrison ด้วย


แต่ทำอยู่ได้ 2 วันทุกอย่างก็ถูกยกเลิกหมด เพราะจอร์จไม่พอใจคุณภาพเสียงของเทปเดโมเพลงนี้ เนื่องจากการอัดเสียงเปียโนและเสียงร้องของจอห์นมีคุณภาพต่ำเกินกว่าเทคโนโลยีสมัยนั้นจะแยกเสียงร้องออกมาได้อย่างที่ต้องการ มีเสียงคลื่นรบกวนตลอดเพลง(ฟังจากคลิปด้านล่าง) และเมื่อใครคนใดคนหนึ่งใน Beatles ไม่เห็นด้วยกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งในโครงการที่ทำร่วมกัน ก็หมายถึงต้องหยุดลงทันที เพลง "Now and Then" ก็ไม่มีข้อยกเว้น



เมื่อพอลไม่ยอมหยุดแค่นี้

หลังจากจอร์จจากโลกนี้ไปในปี 2001 ใครๆก็คิดว่าเพลง "Now and Then" คงไม่ได้เกิดแน่นอนแล้ว เพราะถ้าไม่มีเสียงกีต้าร์ของจอร์จในเพลงนี้ก็จะไม่ใช่เพลงของ The Beatles อีกต่อไป แต่พอลรู้ความจริงอยู่แล้วว่า backing track เสียงกีต้าร์ของจอร์จถูกเก็บไว้อย่างดี และยังมองว่าเมื่อไม่มีจอร์จก็หมายถึงไม่มีเสียงคัดค้านในการทำเพลงนี้อีกต่อไป เขาจึงเดินหน้าต่อ..


ตลอดปี 2005 - 2006 เริ่มมีการปล่อยข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่พอลกับริงโก้จะสานต่อทำเพลงฉบับเต็มของเพลงนี้ให้เสร็จสมบูรณ์ และในปี 2007 พอลออกมายอมรับว่าเขาหวังที่จะทำเพลงนี้ต่อไปและตั้งใจให้เป็นเพลงของ "Lennon & McCartney" โดยเขาจะมีส่วนในการเขียนเพลงนี้ด้วย และเมื่อไรใส่เสียงกลองของริงโก้และเสียงกีต้าร์ของจอร์จลงไป ก็จะกลายเป็นเพลงสุดท้ายของ The Beatles อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ในช่วงเวลานั้นยังห่างไกลความฝัน และเรื่องก็เงียบไปอีกหลายปี


จนมาในปี 2012 พอลให้ความเห็นที่ชัดเจนยิ่งกว่าชัดเจนในภาพยนตร์สารคดีเรื่องราวของ "Mr Blue Sky : The Story of Jeff Lynne" ที่ออกอากาศทางช่อง BBC Four ว่าสักวันเขาจะทำเพลง "Now and Them" ให้จบจนได้

"And there was another one that we started working on, but George went off it... that one's still lingering around, so I'm going to nick in with Jeff and do it. Finish it, one of these days." (ยังมีอีกเรื่องที่เราเริ่มไปบ้างแล้ว แต่ George กลับเลิกทำมัน นั่นเป็นอีกเรื่องที่ยังค้างคาอยู่ ดังนั้นผมจะไปร่วมกับ Jeff และทำมัน ทำให้จบสักวัน) - Paul McCartney

จนกระทั่งในวันที่ 13 มิถุนายนปี 2023 พอลให้ข่าวเกี่ยวกับผลงานเพลงใหม่ของ The Beatles โดยพอลไม่ได้ระบุว่าเป็นเพลง "Now and The" แต่ BBC News เดาว่าต้องเป็นเพลงนี้


และเมื่อพอลพูดถึงเสียงของจอห์นที่จะใช้เทคโนโลยี AI (artificial intelligence) เข้ามาช่วยนั้น หลายคนตีความว่าเป็นการสร้างเสียงของจอห์นโดยใช้ AI ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง คงพูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นเพลงของ The Beatles อย่างแท้จริง แต่ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่า มันคือเสียงของจอห์นจริงๆ แต่ใช้ AI ช่วยเพื่อให้ได้คุณภาพเสียงใสปิ๊งระดับ "Crystal Clear"

 

มารู้จักเพลง "Now and Then" แบบใกล้ชิด

และนี่คืองานของจอห์นที่ถูกเก็บไว้นานร่วม 28 ปีนับตั้งแต่ปี 1995 ที่พอล ริงโก้ Gile Martin (ลูกชายของ George Martin) ร่วมกันทำขึ้นมาใหม่อีกรอบด้วยความช่วยเหลือของ Peter Jackson และทีมงานในปี 2022 - 2023

  • พอลแก้ไขเนื้อร้องบางส่วนและตัดท่อนร้องส่วน "Pre-chorus" ออกไป (I don't wanna lose you, oh no, no....) เนื่องจากเสียงบางส่วนขาดหายไปฟังไม่ออก (เปิดฟังเทปเดโมในนาทีที่ 1.26) และจัดโครงสร้างเพลงใหม่จากความยาวเดิม 5 นาทีเหลือ 4 นาทีโดยประมาณ (ดูภาพด้านล่างประกอบ)


เปรียบเทียบโครงสร้างเพลง Now and Then
เปรียบเทียบโครงสร้างเพลง Now and Then

  • พอลใส่ Intro และ Outro ใหม่ทั้งหมด (ส่วนขึ้นต้นเพลงและส่วนจบเพลง) โดยเฉพาะช่วง Outro ที่ทำได้สวยงามไม่ธรรมดา (นาทีที่ 3.52 เป็นต้นไป)

  • เสียงของจอห์นใช้เทคโนโลยีกู้คืนเสียงจากเทปเดโมคุณภาพต่ำ แยกออกจากเสียงเปียโนด้วย AI รับผิดชอบโดยทีมงานของ Peter Jackson ผู้กำกับและผู้สร้างภาพยนตร์สารคดีเพลง "The Beatles: Get Back" และผู้กำกับมิวสิควิดีโอ "Now and Then"

  • จอห์นและพอลร้องนำ อีกทั้งยังร้องสนับสนุนร่วมกับจอร์จกับริงโก้ในเพลงด้วย โดยนำแทร็กประสานเสียงของทั้ง 4 คนจากผลงานสมัย The Beatles มาใส่เข้าไป

  • พอลและ Gile Martin เห็นชอบให้ใส่เสียงร้องสนับสนุนบางส่วน (backing vocal) ที่ The Beatles เคยทำไว้ในเพลง "Because" มาวางไว้ในช่วงท่อน bridge ของเพลงนี้ (ช่วงนาทีที่ 3)

ส่วนเสียงร้องสนับสนุนของเพลง "Here, There & Everywhere", "Eleanor Rigby" ที่ระบุว่านำมาใช้ด้วยนั้น อาจจะฟังออกยาก หรือจมหายไปกับเพลง อันนี้ไม่แน่ใจครับ ใครพอจะฟังออกบ้าง งั้นไปต่อข้ออื่นต่อนะครับ

  • มีการใส่ backing track ในส่วนกีต้าร์ของจอร์จลงไปในเพลง(ทั้งกีต้าร์อะคูสติคและกีต้าร์ไฟฟ้า) จุดนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะนี่คือเพลงของ The Beatles ไม่ใช่ของพอลกับจอห์น

  • พอลแต่งท่อนโซโล่กีต้าร์ และเล่นสไลด์กีต้าร์เองในท่อน bridge แต่เป็นรูปแบบเครื่องหมายการค้าของจอร์จ มีหลายคนคิดว่าจอร์จอัดทิ้งไว้ในปี 1995 (ถ้าจริงตามนี้ ต้องมีฟุตเทจจอร์จโซโล่เพลงนี้ให้เห็นอย่างแน่นอน ส่วนในมิวสิควิดีโอที่เราไม่ได้เห็นพอลโซโล่ คงอยากให้แฟนเพลงได้จินตนาการว่าเป็นจอร์จกำลังโซโล่)

  • ใส่เสียงเครื่องสายซึ่งเรียบเรียงโดย Gile Martin, Paul McCartney และ Ben Foster นักแต่งเพลง โดยบันทึกที่ Capitol Studios ซึ่งไม่มีการเปิดเผยชื่อเพลงให้กับนักดนตรีทราบ รู้เพียงว่าเป็นเพลงของพอล

สิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงจากต้นฉบับไปเป็นเวอร์ชั่นสุดท้าย ขอพูดเฉพาะบางส่วนพอเป็นสังเขป เพราะส่วนใหญ่จะหนักไปทางวิชาการ แต่ถ้าใครต้องการทราบมากกว่านี้ ให้เปิดดูยูทูปนี้ได้เลยครับ เพราะเป็นแหล่งข้อมูลที่ผมเอามาพูดถึง


  • เทปต้นฉบับอินโทรเริ่มจากคอร์ด Am, G6, Fmaj7, E, Am ส่วนเพลงที่ออกมาใหม่เริ่มจากคอร์ด Am, G6, Am, G6, Am

  • เพิ่มความเร็วจังหวะ (tempo) จาก 80 เป็น 88 BPM ในเวอร์ชั่นสุดท้าย ทำให้จังหวะดูดีขึ้นเล็กน้อย แต่เสียงร้องของจอห์นที่ออกไปทางคร่ำครวญที่ทำให้รู้สึกเศร้าเกินไปก็หายไปด้วย ซึ่งทีมงานพอใจกับผลลัพธ์นี้

  • ช่วงที่จอห์นร้องตอนท้ายท่อนที่ 2 ว่า "That I...???" ซึ่งในเทปเดโมนั้นฟังไม่ออก พอลจึงเข้ามาเขียนใหม่เป็น "That I... will love you" ซึ่งเสียงพอลค่อนข้างชัด

  • ในเทปต้นฉบับพอจบท่อนที่ 2 ก็ต่อด้วยท่อน Pre-Chorus (ซึ่งท่อนนี้ถูกตัดออกจากเวอร์ชั่นล่าสุด) แต่ในเวอร์ชั่นล่าสุดพอจบท่อนที่ 2 ก็ไปท่อนฮุคเลย (Chorus) โดยเปลี่ยนจากคีย์ Am เป็นคีย์ G ซึ่งมาถึงวันนี้แล้วคิดว่าพวกเราคงคุ้นหูกัน แต่ที่อยากให้ฟังเป็นพิเศษก็คือถ้ายังเก็บท่อน Pre-chorus นี้ไว้ เพลงจะฟังดูเป็นอย่างไรบ้าง มีคนเขาทำออกมาได้ใกล้เคียงมาก คลิกฟังจากคลิปนี้ได้เลย

 

เสียงตอบรับ"The Last Beatles Song" จากทั่วโลก

ก็มาถึงบทสุดท้ายของเพลง "Now and Then" เพลงสุดท้ายของ"สุดท้าย"จริงๆ ผมไม่เคยได้พูดถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้ยาวต่อเนื่องเหมือนเพลงนี้ เพราะนี่คือเพลงประวัติศาสตร์ของ The Beatles ซิงเกิ้ลสุดท้ายของ The Beatles ที่ห่างจากซิงเกิ้ลแรกของพวกเขายาวนานถึง 60 ปี ถ้าจะมีวงที่ทำได้อย่างนี้ก็คงเป็นวง The Rolling Stones แต่ที่แตกต่างกันก็คือ The Beatles ยุบวงไปนานแล้วตั้งแต่ปี 1970 แต่ The Rolling Stones ยังคงออกอัลบั้มและออกทัวร์จนถึงปัจจุบัน จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้สำหรับวง The Beatles ที่เพิ่งจะมีซิงเกิ้ลสุดท้ายในปีนี้


แน่นอนว่าสื่อต่างๆทั่วโลกให้ความสนใจกับข่าวเพลงใหม่เพลงนี้ของ The Beatles เป็นอย่างมาก และก็ไม่สร้างความผิดหวังให้กับแฟนเพลงของพวกเขา และส่วนใหญ่ก็ชื่นชอบมากกว่าจะวิจารณ์ในทางลบ และนี่เป็นส่วนหนึ่งของความเห็นจากสื่อดังทั่วโลกแบบย่อๆ

  1. The Independent: "'Now and Then' is the musical event of the year" ( "Now and Then" เป็นงานดนตรีแห่งปี )

  2. Classic Rock Magazine: "'Now And Then', the last Beatles song has finally arrived, and it’s more than worth the wait." ( "Now and Then" ในที่สุดเพลงสุดท้ายของ The Beatles ก็มาถึงจนได้ และคุ้มค่าแก่การรอคอย"

  3. The Guardian: "It’s a better song than Free as a Bird or Real Love, it definitely packs a greater emotional punch." (เป็นเพลงที่ดีกว่า "Free as a Bird" และ "Real Love" อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่กว่าอย่างแน่นอน)

  4. Cash Music: "But ‘Now And Then’ feels like something beautiful, something to cherish." (แต่เพลง "Now and Then" รู้สึกเหมือนบางสิ่งที่สวยงาม บางสิ่งที่น่าทะนุถนอม)

  5. The New York Times: “'Now and Then' leans into nostalgia. Its existence matters more than its quality." (เพลง "Now and Then" เอนเอียงไปทางความรู้สึกโหยหา การมีอยู่จริงของเพลงนี้สำคัญมากกว่าคุณภาพของตัวมันเอง)

  6. Los Angeles Times: "A fitting conclusion to the Beatles' recorded career" (บทสรุปที่เหมาะสมกับอาชีพการงานของ The Beatles)

  7. Rolling Stone: "The final masterpiece that the Beatles—and their fans—deserve" (ผลงานชิ้นเอกชิ้นสุดท้ายที่ The Beatles และแฟนๆ ของพวกเขาสมควรได้รับ)

  8. Vulture:"If this is the end of the Beatles, they have left us with a snapshot of their strengths." (หากนี่คือตอนจบของ The Beatles พวกเขาได้ทิ้งให้พวกเราเห็นแต่ภาพพลังของพวกเขา)


ปิดท้ายด้วยคำขอบคุณและมิตรภาพ

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเพลงนี้จะได้รับความชื่นชมมากแค่ไหน เหนืออื่นใดคงต้องให้เครดิตกับ Paul McCartney ในความพยายามนำเพลงนี้กลับมาทำใหม่ และสุดท้ายก็ทำออกมาได้ดีมากๆ เป็นภาพที่แฟนเพลงอยากเห็น เป็นเพลงในแบบที่อยากได้ยิน แม้จะไม่ใกล้เคียงกับผลงานยิ่งใหญ่ของพวกเขาในยุค 60s ก็ตาม


ใครที่ได้ดูมิวสิควิดีโอจะรับรู้ถึงมิตรภาพอันสวยงามระหว่างเพื่อน ความรู้สึกดีๆที่มีให้ต่อกัน แม้ว่าจอห์นและจอร์จไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วก็ตาม แต่การได้เห็นพวกเขาในมิวสิควิดีโอเพลง "Now and Then" เป็นความรู้สึกที่สุดๆจริงๆ ทำให้พวกเราคิดถึงจอห์นกับจอร์จอย่างจับใจ ไม่ต้องพูดถึงพอลกับริงโก้ ความรู้สึกของทั้งคู่คงยากที่เราจะหยั่งถึงได้ แต่บอกได้เลยว่าทั้งคู่คงจะคิดถึงอดีตอันรุ่งโรจน์และเพื่อนผู้จากไปอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนนับตั้งแต่จอห์นและจอร์จจากโลกนี้ไป..พอลกับริงโก้อาจจะอยากสื่อผ่านเพลงนี้ในท่อนที่ 2 ว่า


And Now and Then

If we must start again

Well, we will know for sure

That I will love you


ตอนนี้และหลังจากนั้น

ถ้าเราต้องเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง

มั่นใจได้เลยว่า ฉันจะรักพวกคุณ..


วี welove / 5 November 2023


ติดตามทางเพจ Facebook

ติดตามทาง Line

ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.info

0 ความคิดเห็น
bottom of page