วันที่ 16 เดือนสิงหาคม ปี 2520 (ค.ศ.1977) หนังสือพิมพ์ทุกฉบับทั่วโลก จั่วหัวข่าวเกี่ยวกับการเสียชีวิตของราชาร็อคแอนด์โรล Elvis Presley วัย 42 ปี ซึ่งถูกพบหมดสติ อยู่ในห้องน้ำชั้น 2 ภายในคฤหาสน์เกรซแลนด์ (Graceland) สร้างความตื่นตระหนกให้กับแฟนเพลงของเขาเป็นอย่างมาก
วันนี้ผมจะพาพวกเราย้อนอดีตไปอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วยกัน โดยจะอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ BIOGRAPHY.com เริ่มกันเลยนะครับ....
จุดเริ่มต้น...
ตอนเย็นของวันนั้น เอลวิสต้องเตรียมตัวออกคอนเสิร์ต แต่ช่วงบ่ายๆ แฟนสาว จิงเกอร์ อัลเดน (Ginger Alden) รู้สึกว่าเอลวิสเงียบผิดปกติ จึงเดินไปหาเขาในห้องน้ำ เธอเห็นเขานั่งอยู่บนโถชักโครก สักพักเขาฟุบตกลงบนพื้นอย่างแรง ร่างกายไม่ไหวติง แต่ยังหายใจอยู่ ตอนนั้นเวลาบ่ายสองครึ่งแล้ว
หลังจากนั้น...ทางสถานีดับเพลิงเมมฟิส หมายเลข 29 ได้รับแจ้งจากบ้านเลขที่ 3754 ถนนเอลวิส เพรสลีย์ (Elvis Presley Boulevard) แจ้งว่ามีชายหมดสติ หายใจติดขัด ต้องการความช่วยเหลือด่วน รถพยาบาลฉุกเฉิน หมายเลข 6 จึงรุดมายังบ้านที่เกิดเหตุ โดยใช้เวลาไม่กี่นาที (การที่ไม่ระบุว่าชายที่หมดสติเป็นเอลวิส เพื่อไม่ให้ตกเป็นข่าว จะได้ไม่เกิดความโกลาหลวุ่นวายขณะนำส่งโรงพยาบาล)
ปกติเส้นทางนี้ รถพยาบาลจะวิ่งผ่านบ่อย เพราะมีนักท่องเที่ยว แฟนคลับเดินพลุกพล่าน จึงมีอุบัติเหตุรถชนคน หรือคนเป็นลมบ่อยมาก แม้แต่ตัวเอลวิสเอง ก็ใช้บริการรถพยาบาลบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนที่ผ่านๆมา......
เหตการณ์ในเกรซแลนด์
พอมาถึงหน้าประตูคฤหาสน์เกรซแลนด์ กลุ่มบอดี้การ์ดอนุญาติให้นายแพทย์ 2 นาย พร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือเบื้องต้นเข้าไปในอาคาร
พวกเขารีบรุดขึ้นไปบนชั้น 2 ตรงดิ่งไปยังห้องน้ำที่เกิดเหตุทันที พวกเขาเห็นกลุ่มบอดี้การ์ดกำลังมุงช่วยผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งนอนหมดสติในชุดนอน
ทันทีที่นายแพทย์เห็นหน้าชายหมดสติคนนั้น พวกเขาจึงรู้ว่า ชายคนนั้นคือ Elvis Presley ไม่ใช่ญาติหรือบริวารของเขา ตอนนั้นผิวของเอลวิสเริ่มเป็นสีหมองคล้ำ ตัวเย็นเฉียบ พวกเขาจึงรีบเช็คชีพจรของเอลวิสทันที แต่ชีพจรหยุดเต้น และรูม่านตาก็ไม่ตอบสนองแสงสว่าง พวกเขาจึงตัดสินใจรีบเคลื่อนย้ายเอลวิสไปยังรถพยาบาลที่จอดรออยู่ทันที
เนื่องจากเอลวิสตัวอ้วนใหญ่ จึงต้องใช้คนหลายคนช่วยกันยกเอลวิสลงบนเปลหาม และการหามลงจากชั้น 2 ทางบันได ต้องโยกหักมุม เป็นไปด้วยความยากลำบาก สุดท้ายก็มาถึงรถพยาบาล
แพทย์ประจำตัวของเอลวิส ดร. จอร์จ นิโคโปลอส (Dr. George Nichopoulos) ได้ติดรถพยาบาลมาด้วย (เอลวิสจะเรียกเขาว่า Dr. ”Nick”) แต่ดอกเตอร์นิคสั่งให้คนขับ มุ่งหน้าไปโรงพยาบาล แบพทิสต์ เมโมเรียล (Baptist Memorial) ซึ่งต้องใช้เวลา 21 นาที แทนที่จะไปโรงพยาบาล เมโธดิสต์(Methodist South) ซึ่งอยู่ใกล้กว่ามาก (เวลาเดินทางเพียง 5 นาที) ตอนนั้นไม่มีใครรู้เหตุผลว่า ทำไมเขาจึงตัดสินใจอย่างนั้น
เหตุการณ์ในโรงพยาบาล
พอมาถึงโรงพยาบาล เอลวิสก็ถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน ทีมแพทย์เร่งช่วยชีวิตเอลวิสจนสุดความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ และในเวลาประมาณ 15.30 น. ทีมแพทย์ออกมาประกาศว่า เอลวิส เพรสลีย์ได้เสียชีวิตแล้ว
เนื่องจากการเสียชีวิตของเอลวิสเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและแฟนเพลงทั่วโลก ดังนั้นทีมแพทย์ระดับมือหนึ่งถึง 9 นาย จึงต้องเร่งชันสูตรศพ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตของเอลวิสอย่างเร่งด่วน ผลการชันสูตรศพพบว่า เอลวิสไม่มีปัญหาเส้นเลือดอุดตันในสมอง แต่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบหัวใจล้มเหลว โรคปอด และยังพบหลักฐานอีกว่า เอลวิสมีโรคเรื้อรังอย่างโรคเบาหวานและท้องผูก ซึ่งเกิดจากการใช้ยาเป็นเวลายาวนาน
ตอน 2 ทุ่มในวันเดียวกัน ทางโรงพยาบาล โดย ดร.เจอร์รี ฟรานซิสโก (Dr. Jerry Francisco) ซึ่งเป็นตัวแทนของทีมชันสูตรศพ ออกมาแถลงข่าวสาเหตุการเสียชีวิตของเอลวิสว่า สาเหตุเบื้องต้น เกิดจากภาวะหัวใจหยุดเต้น อันเกิดจากหัวใจเต้นผิดปกติ ซึ่งก็คืออาการโรคหัวใจล้มเหลวนั่นเอง
แต่ ดร.มิวร์เฮด และแพทย์ท่านอื่นในทีมชันสูตรศพถึงกับมึนงง กับข้อสรุปที่ ดร.เจอร์รี ประกาศออกไป เพราะขัดแย้งกับสิ่งที่พวกเขาพบ พวกเขาพบว่าสาเหตุการเสียชีวิตของเอลวิส มาจากการใช้ยาเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตาม ดร.เจอร์รี สรุปในตอนท้ายว่า สาเหตุที่แท้จริงนั้น จะต้องรอผลการสรุปอย่างน้อยอีกหลายวันหรือเป็นอาทิตย์ และไม่มีหลักฐานการใช้ยาในทางที่ผิด ซึ่งในตอนนั้นใครๆก็คิดว่า สาเหตุน่าจะมาจากการใช้ยาที่ผิดกฎหมายก็เป็นได้ หลังจากรอผลสรุปอย่างละเอียดมาเป็นอาทิตย์ ก็ได้ผลสรุปว่า เอลวิสกินยาแก้ปวดหลายชนิดก่อนตาย ซึ่งได้แก่ Dilaudid, Quaalude, Percodan, Demerol, และ codeine
คณะกรรมการสุขภาพแห่งรัฐเทนเนสซี จึงเริ่มสืบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของเอลวิสอย่างจริงจัง โดยกล่าวโทษ ดร.นิค แพทย์ประจำตัวของเอลวิสทันที แต่เมื่อผลการตัดสินออกมาในปี 1981 หรือ 4 ปีต่อมา ปรากฏว่า ดร. จอร์จ นิโคโปลอส ถูกตัดสินให้พ้นผิดจากข้อกล่าวหาทั้งหมดนี้.....ปริศนาการเสียชีวิตของเอลวิสก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันต่อไป....RIP
วี welove
16 Aug 2020 (ครั้งแรกปี 2018)
ติดตามทางเพจ facebook
ติดตามทางไลน์ : @welove
ติดตามทางเว็บไซต์ https://www.welovechannel.info/
Comments