top of page
Cateม่วง.png

John Lennon กับวันสุดท้ายของชีวิต

อัปเดตเมื่อ 1 วันที่ผ่านมา


ร้านกาแฟ

เช้าวันจันทร์ที่ 8 ธันวาคมปี 1980 จอห์นกับโยโกะออกไปทานอาหารเช้าที่ร้านประจำ Café La Fortuna ใกล้ๆอพาร์ตเมนต์ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องขนมอบและเปิดเพลงโอเปร่า ทั้งคู่นั่งที่โต๊ะประจำ ซึ่งหลังจากที่จอห์นเสียชีวิต โต๊ะตัวนี้ถูกนำมาตั้งโชว์ตรงหน้าต่างร้านเพื่อรำลึกถึงเขา


ร้านตัดผม / เดินเล่น

ทรงผมสุดท้ายของ John Lennon

จากนั้นจอห์นไปตัดผม แล้วเดินเล่นในเมืองโดยไม่มีบอดี้การ์ด จนบางคนบอกว่า เสรีภาพที่จอห์นถวิลหากลับกลายมาทำร้ายตัวเขาเอง เพราะจอห์นเปิดเผยตัวเองมากเกินไปจน Harry Benson ช่างภาพที่เคยตามจอห์นออกทัวร์อเมริกาครั้งแรกสมัยThe Beatles ยังพูดเลยว่า "ถ้าวันนั้น (8 ธ.ค.) จอห์นไม่โดนยิง ยังไงก็ต้องมีเรื่องเศร้าแบบนี้เกิดขึ้นสักวันจนได้"


เรื่องราวในวันนั้นยังมีต่อ ทั้งถ่ายรูปขึ้นปกนิตยสาร Rolling Stone ให้สัมภาษณ์รายการวิทยุ ไปสตูดิโอ จนถึงวินาทีที่เขาโดนยิง ตามอ่านกันต่อได้เลยครับ..


ถ่ายขึ้นปก Rolling Stone

หลังจากนั้นจอห์นกับโยโกะเดินกลับไปยังห้องพักเพื่อรอ Annie Leibovitz หัวหน้าช่างภาพของนิตยสาร Rolling Stone นัดถ่ายรูปลงปก ระหว่างนั้นจอห์นให้สัมภาษณ์นักเขียน Jonathan Cott


และแอนนี่ต้องการให้จอห์นอยู่คนเดียว(กับโยโกะ) แบบไม่มีใครรบกวน สักพักแอนนี่นำภาพนู๊ดให้จอห์นดูเป็นไอเดีย แล้วจอห์นล้มตัวลงนอนทันที โยโกะถึงกับอึ้ง แล้วเขาก็บรรจงกอดและจูบที่แก้มของโยโกะเบาๆ เมื่อแอนนี่ส่งรูปโพลารอยด์ให้จอห์นดู จอห์นชอบมากเพราะมันแสดงถึงความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งของเขากับโยโกะ “That is it. This is our relationship.”


ไม่มีใครคาดคิดว่าปกนิตยสาร Rolling Stone ที่ออกมาหลังจากนั้นจะกลายเป็นปกแจ้งข่าวการเสียชีวิตของจอห์น Mary Shanahan อาร์ตไดเร็คเตอร์ให้สัมภาษณ์ New York Post พูดถึงภาพปกที่โด่งดังนี้ว่า "ภาพนั้นลึกซึ้งเกินไป บางทีคนเราไม่ต้องให้ใครเห็นความเปราะบางของตัวเองมากขนาดนั้น"

ปกของนิตยสาร Rolling Stone

ส่วน Jann Wenner เจ้าของร่วมนิตยสารดังถึงกับซ่อนข้อความลับถึง John Lennon ตรงสันปกนิตยสารฉบับนั้นว่า

“I love you. You’re with God. I’ll do what I said. ‘Yoko, hold on’ — I’ll make sure, I promise. ” (ผมรักคุณนะ คุณอยู่กับพระเจ้า ผมจะทำตามในสิ่งที่ได้พูดไว้ 'Yoko, hold on'- ผมจะทำให้ได้ ผมสัญญาครับ)

หลายคนคงสงสัยว่าเขาไปรับปากอะไรกับจอห์นไว้ และเรื่องนี้ก็ยังไม่เคยถูกไขข้อสงสัย..


ให้สัมภาษณ์รายการวิทยุ

เสร็จจากการถ่ายปก จอห์นกับโยโกะมีนัดสัมภาษณ์ต่อกับ Dave Sholin นักจัดรายการวิทยุที่อพาร์ตเมนต์ดาโกต้า คุยเกี่ยวกับความเข้มงวดของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ซึ่งตัวโยโกะเป็นคนที่เคร่งครัดเรื่องนี้อยู่แล้ว จนจอห์นพูดติดตลกว่า “You’re the best father he’s ever had.” (เธอเป็นพ่อที่เยี่ยมที่สุดเท่าที่ลูก'Sean'เคยมี) ใช้เวลาคุยนานราว 90 นาที


เตรียมเดินทางไปสตูดิโอ

หลังจากนั้นจอห์นกับโยโกะเดินลงบันไดออกมา มีฝูงชนกลุ่มเล็กๆยืนดักรอขอลายเซ็นอยู่ด้านนอก หนึ่งในนั้นคือ Mark David Chapman จอห์นหยิบอัลบั้มมาแล้วเขียนบนปกว่า "John Lennon, 1980" แล้วถามว่า "หมดหรือยัง มีอย่างอื่นอีกไหม" “Is that all? Do you want anything else?” มาร์คไม่ได้ตอบแต่ส่ายหัวแทน.....

หลังจากนั้นจอห์นกับโยโกะก็เดินขึ้นรถที่จอดรอรับอยู่ มุ่งหน้าสตูดิโอ Record Plant เพื่อฟังเพลงใหม่ที่กำลังทำอยู่


ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ถูกบันทึกโดย Paul Goresh

Paul Goresh ผู้ที่ถ่ายภาพ John Lennon ขณะเซ็นปกอัลบั้มให้ Mark David Chapman
Paul Goresh ผู้ที่ถ่ายภาพ John Lennon ขณะเซ็นปกอัลบั้มให้ Mark David Chapman

มือกล้องสมัครเล่นที่ปลอมตัวเป็นช่างซ่อม VCR เข้ามาวนเวียนในอพาร์ตเม้นต์และเดินตามจอห์นออกมาพอดี


ที่ห้องบันทึกเสียง Record Plant (ที่สุดท้าย)

Steve Marcantonio ผู้ช่วยเอนจิเนียร์เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นว่า "ทั้งคู่เต็มร้อยกับงาน จอห์นดูสดชื่นเขาไม่แตะพวกไวน์เบียร์เลย เขาจะเรียกโยโกะว่า "mother" ตลอดเวลา"


ส่วน Sam Ginsberg เอนจิเนียร์ที่ดูแลงานเพลงใหม่ของโยโกะเสริมว่า "จอห์นดูมีความสุข เพราะโยโกะจะมีซิงเกิ้ลเป็นของตัวเอง ตอนนั้นพวกเราเพิ่งเสร็จจากการมิกซ์เสียง เราเห็นทั้งคู่กำลังเดินออกไป ผมได้ยินจอห์นพูดว่า เขาหิวและจะแวะซื้อแฮมเบอร์เกอร์ที่ร้าน Wolf อะไรทำนองนั้น"


แต่สุดท้ายจอห์นยอมทนหิว เพราะอยากรีบกลับไปเจอหน้าลูก รถมาถึงประตูทางเข้าอาคารดาโกต้าประมาณ 22.50 น. ซึ่งจอห์นมักจะให้รถจอดเทียบตรงทางเท้าแทนที่จะจอดตรงช่องประตูทางเข้า เนื่องจากจอห์นไม่ต้องการให้แฟนเพลงที่มายืนรอเขาต้องคอยเก้อ เขาจะได้มีเวลาลงมาทักทายแฟนเพลงได้ สิ่งนี้จึงกลายเป็นจุดที่ทำให้เขาเสี่ยงต่อภัยอันตรายที่ไม่คาดฝัน


Mark David Chapman ยืนรอตรงจุดนั้น เมื่อจอห์นเดินผ่านไป เขาเล็งปืนพกมาที่จอห์น แล้วกระหน่ำยิง ที่ลำตัว 4 นัด ตำรวจรีบรุดมาที่เกิดเหตุแล้วรวบตัวมาร์คใส่กุญแจมือ และตำรวจอีก 2 นายช่วยกันอุ้มร่างหมดสติของจอห์นขึ้นไปยังเบาะหลังรถสายตรวจแล้วรีบบึ่งมาที่โรงพยาบาลรูสเวลท์ ส่วนโยโกะตามมากับตำรวจอีกคัน

Mark David Chapman กับปืนสังหาร


หลังจอห์นโดนยิง

สตีฟ ผู้ช่วยเอ็นจิเนียร์ได้รับทราบข่าวด่วนนี้ทางทีวีที่สตูดิโอ Record Plant (จอห์นเพิ่งมาเยือน) และได้รับคำสั่งให้เก็บเพลง "Walking On Thin Ice" เพลงใหม่ของโยโกะเข้าตู้นิรภัยของจอห์นในทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาหยิบไป เช่นเดียวกันกับที่สำนักงานของนิตยสาร Rolling Stone ได้มีคำสั่งให้เก็บฟิล์มภาพถ่ายจอห์นที่ถ่ายในช่วงเช้าไว้ในที่ปลอดภัย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เห็นโยโกะนั่งร้องให้อยู่ในห้องกระจกโรงพยาบาล จึงรู้ว่าจอห์นเสียชีวิตแล้ว ข่าวการเสียชีวิตของ John Lennon แพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว เพราะเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของวง The Beatles วงที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล แน่นอนว่างานเพลงของเขาในนาม The Beatles มีอิทธิพลต่อศิลปินมากมายในยุค 60s, 70s หรือแม้แต่ยุค 80s อย่างแน่นอน น่าเสียดายที่โลกไม่สามารถรับรู้หรือได้ฟังเพลงใหม่ของเขาได้อีกต่อไป ซึ่งเชื่อว่าถ้าเขายังคงมีชีวิตอยู่ เขาคงมีผลงานมากมายให้พูดถึงไม่รู้จบ..


Bob Gruen มือกล้องประจำตัวของ John Lennon ให้ความเห็นว่า ถ้าจอห์นยังมีชีวิตอยู่ โลกคงจะดีขึ้นกว่านี้ดังนี้ "ผมคิดว่าเขาดูมีชีวิตชีวาและคงสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมออกมา ในปี1980 จอห์นดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เขาได้เรียนรู้ว่าการใช้ชีวิตอย่างมีสตินั้นน่าสนุก ผมนึกออกเลยว่าเขาจะทำให้โลกเห็นอะไรแบบนั้น มีคำหนึ่งทีจอห์นพูดออกมาแล้วฟังดูดีคือ ‘Time you enjoy wasting is not wasted.’ (เสียเวลากับเรื่องที่เราสนุก ไม่นับว่าเสียเวลา) "



วี welove / 8 Dec 2020 (แก้ไข 2022)

ข้อมูลบางส่วนจาก New York Post ( 5 Dec 2020)


ติดตามทางเพจ Facebook

ติดตามทาง Line :@welove

ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.info

0 ความคิดเห็น
bottom of page