top of page
Cateม่วง.png

"In The Air Tonight" เมื่อความรู้สึกเจ็บ ถูกถ่ายทอดเป็นภาษากลองของ Phil Collins

อัปเดตเมื่อ 3 มิ.ย.

วันนี้(31 May) ในปี 1981 เพลงใหม่บนบิลบอร์ด Hot 100 มีชื่อของ Phil Collins มือกลองวง Genesis เป็นครั้งแรกในฐานะศิลปินเดี่ยว ด้วยซิงเกิ้ลเปิดตัว "In The Air Tonight" จากอัลบั้มเปิดตัว "Face Value" เพลงสามารถขึ้นถึงอันดับ 19 ส่วนในอังกฤษไปไกลกว่า ขึ้นถึงอันดับ 2


คอลลินส์เล่าว่าเขาเคยนำเสนอเพลงนี้ให้กับวง Genesis แต่คนอื่นไม่เอาด้วยเพราะเห็นว่าเพลงฟังดูแสนธรรมดา แต่ Tony Banks มือคีย์บอร์ดของวงยืนยันว่าคอลลินส์ไม่เคยแม้แต่เปิดเพลงนี้ให้ฟัง (หรือคอลลินส์แก้เขินที่เพลงนี้ไม่ใช่เพลงของวงแต่กลับดัง อันนี้ผมคิดเอง)


อย่างไรก็ตาม ทำไม Phil Collins จึงตัดสินใจทำอัลบั้มเดี่ยว หรือผันตัวเองเป็นศิลปินเดี่ยว ทั้งๆที่ไม่ได้มีปัญหากับเพื่อนร่วมวง เราไปติดตามอ่านเรื่องราวของเพลงนี้ แล้วจะมีคำตอบให้ครับ


แรงบันดาลใจ

ตอนนั้น Phil Collins ยังคงอยู่กับวง Genesis แต่ด้วยความทุกข์ความเสียใจเมื่อเขารู้ว่าภรรยาคนแรก "Andrea Bertorelli" แอบไปมีรักใหม่ ทำให้ชีวิตเขาจมดิ่ง และเริ่มหายไปจากเพื่อนๆ (Genesis)หลังจากจบทัวร์คอนเสิร์ตด้วยกันในเดือนธันวาคม ปี 1978


คอลลินส์ตามหาภรรยาไปถึงเมืองแวนคูเวอร์ แคนาดา เพื่อขอคืนดีกลับมาอยู่ด้วยกัน แต่ก็ไม่เป็นผล และหย่าขาดกันในที่สุดเมื่อปี 1981


ช่วงระหว่างที่ทุกอย่างยังอึมครึม คอลลินส์ไม่รู้จะทำอะไร และไม่ต้องมีเวลาให้กับครอบครัวมากเหมือนแต่ก่อน อีกทั้งยังมีเรื่องมากมายในหัว เขาจึงพยายามปลดปล่อยออกมาเป็นเพลง เขาใช้เวลาถึงปีครึ่ง บางเพลงก็แต่งกันทั้งวันทั้งคืน และในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1981 อัลบั้ม "Face Value" ก็ออกวางจำหน่าย เป็นอัลบั้มเปิดตัวของเขาในนาม "Phil Collins" สังกัดค่าย Virgin Records


แน่นอนว่าเพลงที่แต่งใหม่ทั้งหมดในอัลบั้มแรกของเขา รวมถึงเพลง "I Missed Again" ล้วนเป็นเพลงที่เขาต้องการสื่อให้ภรรยาคนแรกได้รับรู้ เพื่อต้องการดึงเธอกลับมาหาเขาอีกครั้ง ทุกเพลงทั้งชื่อเพลงและเนื้อร้องล้วนมาจากความรู้สึกเสียใจกับชีวิตคู่ที่กำลังพังทลาย อารมณ์ที่เปลี่ยนไป และสูญเสียทุกอย่าง

"I had a wife, two children, two dogs, and the next day I didn't have anything. So a lot of these songs were written because I was going through these emotional changes." - Phil Collins

("ผมมีภรรยา ลูก 2 คน หมา 2 ตัว และพออีกวันผมไม่เหลืออะไรเลย ดังนั้นเพลงพวกนี้ถูกเขียนเพราะผมกำลังทนทุกข์ทรมานกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์นี้")


ที่มาของชื่อเพลง

ความตึงเครียดที่ยืดเยื้อจากการหย่าร้างทำให้เขาได้ชื่อเพลงนี้ออกมา กล่าวคือความรู้สึกคิดลบของเขามันกระจาย "อยู่ในอากาศ" (In The Air) และผลกระทบนี้ไม่ได้มีผลต่อทั้งคู่ แต่รวมไปถึงครอบครัวของทั้ง 2 ฝ่าย


ช่วงที่อัลบั้ม "Face Value" ถูกปล่อยออกมา Phil Collins ก็คงยังเดินหน้าต่อไป เขาเริ่มคบหากับแฟนสาวคนใหม่ "Jill Tavelman" ซึ่งต่อมาก็คือภรรยาคนที่ 2 และเลิกรากันจนเป็นที่มาของหลายเพลงในอัลบั้ม "Both Sides" ที่ออกมาในปี 1993



แนวทางการเขียนเพลงนี้

จากประสบการณ์ที่ผ่านๆมา การทำงานในห้องอัดกับวง Genesis ทำให้คอลลินส์เรียนรู้ว่าบางทีไม่สามารถคาดเดาว่าเสียงร้องจะไปทางไหนอย่างไร เพราะบางครั้งคำร้องจะเขียนขึ้นมาทีหลัง หลังจากบันทึกเพลงแล้วเสร็จ


คอลลินส์จึงจำหลักการนี้ ดังนั้นถ้าเขาจะร้องไปก่อนอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ได้ก็คือดนตรีส่วนอื่นๆจะไหลตามเสียงร้องนั้น หรือพยายามทำให้เข้ากับเสียงร้องให้มากที่สุด คอลลินส์อธิบายว่าเพลง "In The Air Tonight" ของเขาก็เช่นกัน เขาจะร้องขึ้นมาตามใจนึก แบบไม่มีเนื้อล่วงหน้า แค่เขาอ้าปากร้อง คำร้องก็ออกมาเอง และเมื่อเขาเปิดฟัง เขาถึงจะจดเนื้อลงบนกระดาษ


คอลลินใช้การตั้งโปรแกรมกับกลองไฟฟ้ารุ่น CR78 ซึ่งสามารถตัดเสียงบางส่วนออก และตั้งเสียงกลองเบส กลองสแนร์ได้ เขาตั้งโปรแกรมกลองเบสไว้ ส่วนที่เหลือก็ตามค่าเริ่มต้นของกลองไฟฟ้า ดูเหมือนบางทีเขาจะมีเพิ่มเสียงเปียโนอะคูสติก "Fender" ในตอนแรกอีกด้วย


ความหมายของเพลง

สมัยนั้นกลายเป็นที่เล่าขานกันว่า คอลลินส์เห็นชายคนหนึ่งซึ่งข่มขืนภรรยาของเขากำลังจมน้ำ และอีกเรื่องบอกว่าคอลลินส์เขียนเพลงนี้พูดถึงผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเฝ้าดูอีกคนกำลังจมน้ำ เขาร้องเพลงนี้ให้ชายคนนั้นฟังบนเวทีคอนเสิร์ต ยังมีอีกที่เล่ากันว่าสมัยตอนคอลลินส์เป็นเด็ก เขาเห็นชายคนหนึ่งกำลังทำให้อีกคนจมน้ำ แต่เขาอยู่ไกลเกินกว่าจะช่วยได้ และต่อมาคอลลินส์ก็จ้างนักสืบเพื่อค้นหาชายคนดังกล่าว และส่งบัตรฟรีเชิญมาคอนเสิร์ตของเขา และเพลงนี้ก็ถูกเปิดตัวในคืนนั้น พร้อมกับส่องแสงสปอตไลท์ลงมายังผู้ชายคนนั้นจนจบเพลง


เรื่องเล่าขานที่เขียนมาทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เรื่องจริงแต่ประการใด แต่เป็นการเล่าปากต่อปาก เมื่อการสร้างห้องแชตเริ่มต้นขึ้นกลางยุค 90s เรื่องนี้ก็ถูกนำมาถกเป็นประเด็นอีกครั้ง ประโยคที่พูดถึงกันมากในเพลงนี้คือ

"If you told me you were drowning, I would not lend a hand." (ถ้าคุณบอกฉันว่าคุณกำลังจมน้ำ ฉันจะไม่ยื่นมือช่วย)

คอลลินส์อธิบายว่า "การจมน้ำ" (drawing) เป็นสัญญาลักษณ์แทนความเจ็บปวด แทนความโกรธที่เขารู้ได้ในขณะนั้น และเมื่อเชื่อมกันมันกลายเป็นการตำหนิเหมือนคำว่า "I wouldn't give you the time of day" กับ "not if you were the last person on Earth." (ฉันจะไม่ให้เวลากับคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนสุดท้ายบนโลกนี้ก็ตาม)

จุดเด่นของเพลงนี้

เพลงที่มีจังหวะช้าๆไปเรื่อยๆ ส่วนมากจะไม่เน้นเสียงกลองมากมาย แต่สำหรับเพลงนี้จะมีช่วงที่เสียงกลองดังกระแทกสะใจคล้ายๆว่าต้องการปลดปล่อยความอัดอั้นทั้งหมดออกมา คอลลินส์เล่าให้ฟังว่า เขาไม่ได้ตั้งใจจะใส่(กลอง)อะไรแบบนั้น ไม่ได้คิดถึงลูกส่งกลอง มันเป็นเพียงเทคหนึ่งที่เราบันทึกไว้ แล้วสุดท้ายเราก็เลือกเทคนี้"

"I didn't think about the drum fill, I just did it that particular take and that's the one we used." - Phil Collins

ถึงแม้เขาจะตอบว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่เสียงกลองของเพลงนี้กลายเป็นจุดเด่นที่ใครๆก็พูดถึง โดยเฉพาะช่วงกลางเพลงเป็นต้นไปจนจบเพลง จนเป็นที่มาของคำนิยามนี้

"the sleekest, most melodramatic drum break in history" (เสียงกลองที่ไพเราะ แสดงอารมณ์สุดๆในประวัติศาสตร์)

ส่วน Ozzy Osbourne นักร้องนำวง Black Sabbarth กล่าวชมลูกส่งกลองเพลงนี้ว่า "ดีที่สุดเท่าที่มีมา มันยังคงสุดยอด"

"the best ever – it still sounds awesome" - Ozzy Osbourne

ในส่วนของเสียงกีต้าร์ทำเสร็จต่อจากนั้นในสตูดิโอ Daryl Stuemer มือกีต้าร์เล่าว่าเขากับคอลลินส์นั่งอยู่ในห้องควบคุม ส่วนแอมป์อยู่ในห้องสตูดิโอและเปิดให้ดังเต็มที่ เขาตีคอร์ด คอลลินส์บอกว่าเสียงมันคล้ายเรเซอร์ไฟฟ้า


มีคนถามเขาว่า เขาตีคอร์ดอะไร เพราะเพลงใช้คอร์ด Dm แต่ส่วนเสียงกีต้าร์ที่ออกมาฟังดูไม่ใช่เสียงไมเนอร์ แต่มันเป็นคอร์ด A ต่ำและ D แล้วก็เป็น A และ D ขึ้นอยู่กับว่าเราเล่นอย่างไร แล้วทำให้เสียงแตกพร่าจากแอมป์ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ห่างไกลแต่ทรงพลัง


ความนิยมจนกลายเป็นเพลงลายเซ็น

ตอนที่ออกมาครั้งแรกในปี 1981 เพลง "In The Air Tonight" ได้รับความนิยมปานกลางในอเมริกาที่อันดับ 19 บนบิลบอร์ด Hot 100 ส่วนชาร์ต "Rock Tracks" ขึ้นถึงอันดับ 2 และเริ่มเป็นที่พูดถึงมากขึ้นเมื่อถูกนำไปใช้เป็นเพลงประกอบในซีรีย์ดราม่าอาชญากรรมทางโทรทัศน์เรื่อง "Miami Vice" ในช่วงปี 1984



และเมื่อจบซีซั่น 1 อัลบั้มซาวด์แทร็ก Miami Vice Soudtrack จึงออกตามมาในปี 1985 ความนิยมในเพลงนี้จึงมีมากขึ้นเป็นลำดับ ดังพร้อมๆกับเพลงอื่นๆในอัลบั้ม อาทิเช่น Smuggler's Blues (#12), You Belong To The City (#2) ของ Glenn Frey และเพลง "Better Be Good To Me" (#5) ของ Tina Turner


ส่วนในยุโรป เพลงได้รับความนิยมอย่างสูง ติดอันดับ 2 ในอังกฤษ อันดับ 1 ในออสเตรีย เยอรมัน สวิส และสวีเดน และติด Top 10 อีกในหลายประเทศ อีกทั้งมิวสิควิดีโอยังได้รับการต้อนรับอย่างดีจากทาง MTV ที่เปิดตัวในเดือนสิงหาคมปีนั้น ไม่แปลกใจที่เพลง "In The Air Tonight" จะเป็นหนึ่งใน"เพลงลายเซ็น"ของเขา (signature song) หรือพูดอีกนัย เพลงนี้ก็คือหนึ่งใน"เพลงประจำตัว"ของ Phil Collins นั่นเอง


ต้องถือว่าเป็นการเปิดตัวที่ยอดเยี่ยมของ Phil Collins ในฐานะศิลปินเดี่ยว อย่างนี้คงต้องขอบคุณอดีตภรรยา(คนแรก)ที่ทำให้เขาพลิกวิกฤตเป็นโอกาส


อัลบั้มเดี่ยวที่เปลี่ยนทิศทางของวง Genesis

สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนเพลงและสมาชิกวง Genesis เป็นอย่างมากก็คือ อัลบั้ม "Face Value" ที่เป็นอัลบั้มแรกของ Phil Collins ในฐานะศิลปินเดี่ยวนั้น กลับมียอดขายสูงกว่าอัลบั้มทุกชุดที่ผ่านมาของ Genesis จึงไม่แปลกที่อัลบั้มชุดถัดมาของพวกเขา จะลดความเป็นโปรเกรสซีฟลงและหันไปเป็นป๊อบมากขึ้น ซึ่งเราจะเห็นได้จากอัลบั้ม "Abacab" ที่ปล่อยออกมาในเดือนกันยายนปีเดียวกัน ส่วนเพลง "Abacab" จากอัลบั้มชุดนี้ก็ถูกเลือกเปิดทางสถานีวิทยุและสถานีเพลง MTV บ่อยครั้ง ดังนั้นในยุคที่เหลือของ 80s จึงเป็นการทำเพลงร่วมกันระหว่างวง Genesis กับ Phil Collins


เสียงจากผู้สร้างแรงบันดาลใจ

อย่างไรก็ตามเรื่องราวทั้งหมดกลับทำให้ Andrea Bertorelli ภรรยาคนแรกที่เป็นแรงบันดาลใจในการทำอัลบั้มและเพลงชุดนี้ต้องมาแก้ต่างเรื่องราวทั้งหมดนี้เอง


Andrea เล่าให้ฟังในปี 2015 ว่าเธอไม่พอใจที่คอลลินส์กล่าวหาเธอหนีไปหาคนอื่นแล้วปล่อยเขาแต่งเพลงนี้ด้วยความทุกข์ยาก และในปี 1976 เขาเคยปล่อยให้เธออยู่บ้านกับลูก 2 คน(คนโต 4 ขวบ)ทั้งที่ลูกคนที่ 2 เพิ่งคลอด และเคยออกจากชีวิตคู่ตอนไปออกทัวร์คอนเสิร์ต


และเธอยังเล่าอีกว่าในปี 1979 เธอหนีเขาไปแวนคูเวอร์ แคนาดา เขาจะโทรตามจิกเธอตลอด แต่พอเธอรับสายเขาก็จะโวยวายและเรียกแต่ชื่อเธอ ตามให้เธอกลับบ้าน และบางครั้งก็จะปรากฏตัวโดยที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว 2-3 ครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้เธออยากหนีเขาไปไกล


เป็นไงครับ เรื่องของความรักของศิลปินดังมักจะมีเรื่องราวให้พูดถึง แต่ส่วนมากจะเป็นเรื่องเศร้าเสียมากกว่า ดีที่ศิลปินเหล่านี้ มักจะนำอารมณ์ลบมาปรับให้เป็นเสียงเพลง สร้างพลังบวกให้คู่รักอื่นๆเก็บไว้เป็นบทเรียน ขอบคุณที่ตามอ่านจนจบ ขอบคุณ ขอบคุณ😊👍🎶


วี welove /2 June 2023


ติดตามทางเพจ Facebook

ติดตามทาง Line

ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.info

0 ความคิดเห็น
bottom of page