top of page
Cateม่วง.png

อัลบั้ม "Traveling Wilburys Vol. 1": จาก 1 เพลง กลายเป็น 1 อัลบั้มประวัติศาสตร์

เรื่องนี้หลายคนที่เป็นแฟนเพลงของ George Harrison, Jeff Lynne, Bob Dylan, Roy Orbison และ Tom Petty ต้องเคยผ่านตามาบ้างไม่มากก็น้อย ถือว่าเรามาทบทวนเรื่องราวเก่าๆนี้ร่วมกันนะครับ เพราะวันนี้ (25 October) ในปี 1988 เป็นวันที่วง Traveling Wiburys เปิดตัวอัลบั้มแรกของพวกเขา "Traveling Wilbury 1" ซึ่งได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ เพราะสมาชิกวงแต่ละคนที่กล่าวมาข้างต้นล้วนแต่ไม่ธรรมดา

อัลบั้ม "Traveling Wilburys Vol. 1": จาก 1 เพลง กลายเป็น 1 อัลบั้มประวัติศาสตร์
อัลบั้ม "Traveling Wilburys Vol. 1": จาก 1 เพลง กลายเป็น 1 อัลบั้มประวัติศาสตร์

ตั้งใจหรือเป็นความบังเอิญ

ด้วยวัยที่ต่างกัน และแต่ละคนโด่งดังในช่วงเวลาที่ต่างกัน ใครจะคิดว่าทั้งหมดนี้จะร่วมใจกันทำอัลบั้มที่ไม่ธรรมดา อัลบั้มที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่สาขา Album of the Year ในปี 1989 สามารถขึ้นไปถึงอันดับ 3 ในอเมริกาด้วยยอดขายกว่า 2 ล้านชุดในเวลาเพียงแค่ 6 เดือน


ทำให้ทุกคนได้สัมผัสความสำเร็จที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายความรู้สึกนี้ไปนาน เว้นแต่ George Harrison กับ Tom Petty ที่เพิ่งประสบความสำเร็จกับอัลบั้มก่อนหน้านั้น แต่ทราบไหมว่า มันเป็นเพียงความบังเอิญ ไม่มีความตั้งใจที่จะรวมตัวกันตั้งแต่แรก สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เราไปติดตามอ่านกันต่อเลยครับ


จุดเริ่มต้นจาก 2 เป็น 4 และ 5 ในที่สุด

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นต้นเดือนเมษายนปี 1988 ช่วงเวลานั้น George Harrison และ Jeff Lynne ต่างบินมาแอลเอ โดยจอร์จมาทำเพลงหน้า B สำหรับซิงเกิ้ล "This Is Love" จากอัลบั้ม Cloud Nine ส่วนเจฟฟ์มาทำเพลงให้กับอัลบั้ม Mystery Girl ของ Roy Orbison รวมถึงอัลบั้มใหม่ของ Tom Petty "Full Moon Fever"



วันหนึ่งทั้งคู่มีนัดทานข้าวกัน วันนั้น Roy Orbison มานั่งทานด้วย จอร์จต้องการเร่งงานของตัวเอง จึงชวนเจฟฟ์ให้มาช่วยงาน รอยได้ฟังรู้สึกสนุกจึงอาสาร่วมด้วยช่วยกัน และด้วยสาเหตุความเร่งด่วน จอร์จจึงโทรติดต่อขอยืมสตูดิโอในโรงรถของ Bob Dylan ซึ่งปู่บ๊อบก็ไม่ติดขัด


ระหว่างเดินทางกลับ จอร์จแวะไปเอากีต้าร์ที่เขาฝากไว้ที่บ้านของ Tom Petty จึงถือโอกาสชวนทอมมาช่วยงานนี้ด้วยอีกคน


ตั้งใจทำเพลงเดียวแต่ไม่จบเพียงเท่านี้

ทุกคนมารวมตัวกันเช้าอีกวัน ที่โรงรถบ้านปู่บ๊อบ โดยปู่บ๊อบเป็นเพียงเจ้าบ้านดูแลความเรียบร้อย เตรียมบาร์บีคิวเผื่อใครหิวระหว่างทำงาน จู่ๆจอร์จก็ชวนปู่บ๊อบให้มาร่วมเขียนเพลง "Handle With Care" ด้วยกัน เพลงที่เพิ่งคิดชื่อกันตรงนั้นจากการมองรอบๆของจอร์จ เขาเห็นคำนี้บนกล่องที่ตั้งอยู่ข้างๆในโรงรถ



หลังจากทำออกมาแล้วเสร็จ จอร์จจึงนำเสนอให้กับทางต้นสังกัด ปรากฏว่าถูกตีกลับเนื่องจากเพลงดีเกินกว่าจะเป็นเพลงหน้า B ของซิงเกิ้ล "This Is Love" จอร์จจึงเกิดความคิดที่จะทำอัลบั้มใหม่กับเพื่อนๆกลุ่มนี้ โดยต่อเพลงใหม่เพิ่มอีก 9 เพลง และนัดกันใหม่พร้อมหน้าพร้อมตาในเดือนถัดไป(พฤษภาคม)ที่สตูดิโอในบ้านของ Dave Stewart แห่งวง Eurythmics ในแอลเอ


"And the only thing to do I could think of was do another nine. Make an album." - George Harrison

ที่มาของคำว่า "Wilbury"

พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกัน 9 วันที่นั่น เพื่ออัดเสียงร้องและบันทึกเสียงดนตรีพื้นฐาน โดยตั้งเป็นวงเฉพาะกิจชื่อ "Traveling Wilburys" ชื่อที่มาจากคำพูดของจอร์จระหว่างทำอัลบั้ม Cloud Nine ที่เขามักจะพูดกับ Jeff Lynne เมื่อเกิดข้อผิดพลาดในการบันทึกเสียงจากอุปกรณ์ที่เป็นปัญหาในสตูดิโอว่า “We’ll bury ’em in the mix.” (เราจะซ่อนปัญหาลงไว้ในมิกซ์) คำว่า "We'll bury" นี่แหละ พอพูดสั้นๆเร็วๆจะกลายเป็นคำแสลงที่รู้กันสองคนว่า "Wilbury"


George Harrison กับ Jeff Lynne ยิ้มเริงร่า
George Harrison กับ Jeff Lynne

หลังจากนั้นจอร์จนำเทปมาสเตอร์ทั้งหมดนี้กลับไปยังเกาะอังกฤษเพื่อเอาไป overdubs และมิกซ์เสียงที่สตูดิโอในบ้านตัวเองต่อ จนกลายเป็นอัลบั้ม "Traveling Wilburys Vol.1" ที่ออกวางจำหน่ายวันนี้ในปี 1988 หรือเมื่อ 35 ปีที่ผ่านมา..


ความพิเศษของอัลบั้ม Traveling Wilburys Vol.1

แม้ส่วนใหญ่จอร์จจะเป็นคนแต่งเพลงนี้ แต่ทุกคนมีส่วนร่วม จึงให้เครดิตทุกคนในนาม "Traveling Wiburys" เช่นเดียวกับเพลงอื่นๆในอัลบั้มชุดนี้ ซึ่งแต่ละคนจะแต่งเองคนเดียว แต่ทุกคนจะมีส่วนร่วมในการร้องเพลงและเล่นดนตรี จึงเครดิตเป็นชื่อวง แทนที่จะเป็นชื่อของแต่ละคนที่แต่งเพลงนั้น อย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้กันว่า เพลงไหนใครร้องนำหรือเด่นกว่าใครเพื่อน คนนั้นก็คือคนแต่งเพลงนั้น


และเพื่อเป็นการลดความเป็นตัวตนของแต่ละคน ทุกคนจึงใช้ชื่อปลอมดังนี้ George Harrison เป็น Nelson Wilbury, Jeff Lynne เป็น Otis Wilbury, Roy Orbison เป็น Lefty Wilbury, Bob Dylan เป็น Lucky Wilbury และ Tom Petty เป็น Charlie T. Wilbury Jr


Traveling Wilbury ใครเป็นใครคงไม่ต้องบอก
Traveling Wilbury ใครเป็นใครคงไม่ต้องบอก


ดูเหมือนจอร์จจะชอบความคิดนี้ เขาชอบที่จะเป็น Nelson Wilbury มากกว่าที่จะเป็น George Harrison เขารู้สึกว่าทุกคนที่มารวมตัวกันครั้งนี้ ลดอีโก้ลงไม่มีใครเก่งไม่มีใครโดดเด่นกว่าใคร ไม่มีเรื่องของชื่อเสียงเงินทองมายุ่ง ทุกคนไม่ได้คาดหวังผลทางธุรกิจ แต่ทำงานด้วยความสุขอย่างแท้จริง


ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจเลยที่พวกเขาไม่เคยใช้ชื่อนี้ในการแสดงสดด้วยกัน ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงทำเงินเป็นกอบเป็นกำมากกว่านี้ และเรื่องนี้เป็นความเสียใจอย่างหนึ่งของ Tom Petty คงไม่ใช่เรื่องของเงินทอง แต่เป็นการที่จะได้ทำอะไรร่วมกันกับเพื่อนๆอะไรแบบนี้ เพื่อให้แฟนเพลงของแต่ละคนได้ชมพวกเขาเล่นกันสดๆครั้งหนึ่งในชีวิต


แต่หลังจากอัลบั้มนี้ออกมาได้ไม่ถึง 2 เดือน Roy Orbison ก็ต้องมาจากไปเสียก่อนในวัย 52 ปีจากโรคหัวใจวายในวันที่ 6 ธันวาคม ปี 1988 อัลบั้มชุดนี้จึงเป็นอัลบั้มสุดท้ายที่รอยยังคงมีส่วนร่วมในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ นอกเหนือไปจากการทำอัลบั้มสุดท้ายของตัวเอง "Mystery Girl" และปิดตำนานของ Traveling Wilburys ที่มี Roy Orbison ไปตลอดกาล..


วี welove / 25 Oct 2023


ติดตามทางเพจ Facebook

ติดตามทาง Line

ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.info

0 ความคิดเห็น
bottom of page