top of page
Cateม่วง.png

สืบเนื่องมาจากเรื่องราวของเพลง "He Ain’t Heavy, He’s My Brother"

สืบเนื่องมาจากเรื่องราวของเพลง "He Ain’t Heavy, He’s My Brother" วันนี้แอดเลยไปค้นเรื่องราวของภาพๆหนึ่ง เป็นเด็กชายญี่ปุ่นอุ้มร่างน้องชายไร้วิญญาณไว้บนหลัง ซึ่งเป็นภาพที่ใครได้เห็นต้องรู้สึกหดหู่และตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กทั้งสอง


แต่เมื่อไปค้นหาคำตอบกลายเป็นได้รับรู้เรื่องราวที่ทำให้เกิดการเข้าใจผิดเป็นอย่างมาก อาจเป็นเพราะต้องการโยงไปถึงเพลงๆนั้น "He Ain’t Heavy, He’s My Brother" ลองไปอ่านเรื่องราวที่คนมักจะเข้าใจผิดกัน ก่อนที่ผมจะเอาข้อเท็จจริงของภาพนี้มาเฉลย



เรื่องราวที่ส่งต่อๆกันมา

“In Japan, during the war, this boy was carrying his dead brother on his back to bury him. A soldier noticed him and asked him to throw this dead child so that he would not get tired. He replied:

ในญี่ปุ่นช่วงสงคราม เด็กชายคนนี้แบกร่างไร้วิญญาณของน้องชายไว้บนหลังเพื่อเตรียมเอาไปฝัง มีทหารนายหนึ่งมาพบเข้า ขอให้เด็กคนนั้นทิ้งร่างไร้วิญญาณไว้ตรงนั้นจะได้ไม่ต้องเหนื่อย เด็กคนนั้นตอบกลับมาว่า


He’s not heavy, he’s my brother!

The soldier understood and broke down in tears.

"ไม่หนักหรอกครับ (เพราะ)เขาเป็นน้องชายผม"

ทหารนายนั้นได้ฟังก็เข้าใจและกลั้นน้ำตาไม่อยู่


Since then, this image has become a symbol of unity in Japan.

Let this be our motto:

ตั้งแต่นั้นมาภาพนี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีในญี่ปุ่น และนี่เป็นคำขวัญ


“He’s not heavy. He’s my brother”

If he falls, raise him.

Even if you get tired, help him,

And if his support is weak,

And if he makes a mistake, forgive him

And if the world abandons him, carry him on your back, because he is not heavy

he is your brother…”

"เขาไม่หนักหรอก เขาเป็นน้องชายฉัน

ถ้าเขาล้ม ก็ยกเขาให้ลุกขึ้นมา

แม้เธอจะเหนื่อยแค่ไหน ก็จงช่วยเขา

และถ้าเขาไม่ค่อยได้ช่วยเหลือ

และถ้าเขาทำผิดพลาด ก็ให้อภัยเขา

และถ้าโลกนี้ทอดทิ้งเขา จงอุ้มเขาไว้บนหลังเธอ เพราะเขาไม่หนัก เขาเป็นน้องชายเธอ


ค้นหาความจริง

ภาพถ่ายที่เราเห็นถ่ายได้ในญี่ปุ่นหลังการปล่อยระเบิดนิวเคลียร์ของกองทัพอเมริกันในปี 1945 เราจะเห็นเด็กชายชาวญี่ปุ่นยืนตรงในท่าทหารขณะกำลังแบกน้องชายที่เสียชีวิตไว้บนหลังตรงสถานที่เผาศพในเมืองนางาซากิ ภาพนี้ถ่ายโดย Joe O'Donnel ช่างภาพนาวิกโยธินสหรัฐฯ และไม่มีหลักฐานใดๆยืนยันการสนทนาระหว่างทหารกับเด็กชายคนนั้น จึงอาจจะก่อให้เกิดการเข้าใจผิดได้


และเมื่อเอาภาพเดียวกันนี้ไปค้นในโลกออนไลน์ จะปรากฏภาพนี้ในเว็บไซต์ "Rare Historical Photos" ซึ่งมีคำอธิบายไว้ดังนี้


“A Japanese boy standing at attention after having brought his dead younger brother to a cremation pyre, 1945”.

“เด็กชายชาวญี่ปุ่นยืนร่วมพิธีเผาศพ หลังจากพาน้องชายที่เสียชีวิตมาถึง เมื่อปี 1945 ”



ความจริงของภาพนี้คือ

ในปี 1945 หลังจากที่ญี่ปุ่นยอมจำนนต่อสหรัฐฯ กองทัพสหรัฐฯก็ได้ส่ง Joe O' Donnel มาบันทึกความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านเรือนในญี่ปุ่นที่เกิดจากการโจมตีทางอากาศด้วยระเบิดปรมาณู หนึ่งในนั้นก็คือภาพนี้ หลังจากนั้นอีกหลายปี Joe O' Donnel ก็มีโอกาสได้พูดคุยกับนักข่าวชาวญี่ปุ่นเกี่ยวกับภาพนี้ว่า


"ผมเห็นเด็กชายอายุประมาณ 10 ขวบเดินผ่านมา เขาอุ้มเด็กไว้บนหลังของเขา สมัยนั้นในญี่ปุ่น เรามักจะเห็นเด็กๆเล่นกันโดยมีน้องชายหรือน้องสาวตัวเล็กๆอยู่บนหลังของพวกเขา แต่เด็กคนนี้ดูต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด

“I saw a boy about ten years old walking by. He was carrying a baby on his back. In those days in Japan, we often saw children playing with their little brothers or sisters on their backs, but this boy was clearly different. - Joe O' Donnel ผู้ถ่ายภาพ

ผมเห็นว่าเขามาที่นี่ต้องมีเหตุผลร้ายแรง เขาไม่ได้สวมรองเท้า ใบหน้าของเขาดูจริงจัง ศีรษะเล็กๆ เอียงไปด้านหลังราวกับว่าเด็กน้อยกำลังเผลอหลับทันที เด็กชายยืนอยู่ตรงนั้น 5-10 นาที


“มีกลุ่มชายสวมหน้ากากสีขาวเดินเข้ามาหาเด็กคนนั้น แล้วเริ่มถอดเชือกเอาเด็กบนหลังออกอย่างเงียบๆ ตอนนั้นผมจึงเห็นเด็กที่อยู่บนหลังนั้นเสียชีวิตแล้ว ชายกลุ่มนี้จับศพที่มือและเท้าของเด็กเพื่อนำไปเผา เด็กชายยืนตัวตรงโดยไม่ขยับ จ้องมองดูเปลวไฟอยู่ตรงนั้น เขากัดริมฝีปากล่างแรงจนเลือดออก เปลวไฟค่อยๆมอดเหมือนพระอาทิตย์ตก เด็กชายหันหลังกลับ และเดินจากไปเงียบๆ”


หวังว่าคงหายข้องใจแล้วนะครับ แต่ถึงอย่างไรผมว่าเด็กคนนี้ก็คงคิดในใจเหมือนกันว่า เขายอมเหนื่อย ยอมพาร่างไร้วิญญาณของน้องชายมาเผาถึงที่ ดีกว่าปล่อยให้นอนตายอยู่บนพื้นที่ไหนสักแห่งแบบไม่มีเกียรติ แม้จะไกล แม้จะหนัก แต่เพราะเขาคือน้องชาย เขาจึงไม่รู้สึกว่า(น้องชาย)หนัก "He Ain’t Heavy, He’s My Brother"


วี welove/ 25 September 2023


ติดตามทางเพจ Facebook

ติดตามทาง Line

ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.info

2 ความคิดเห็น
bottom of page