วี welove

5 ต.ค. 20231 นาที

เบื้องหลังปกอัลบั้ม Wish You Were Here ของ Pink Floyd ทำไมต้องมีเปลวไฟ?

อัพเดตเมื่อ: ม.ค. 20

วันนี้ในอดีต (4 October 1975) Pink Floyd นำอัลบั้ม Wish You Were Here ขึ้นสู่อันดับ 1 ในอังกฤษ (UK) ซึ่งมีเพลงที่พวกเขาแต่งเพื่อเป็นเกียรติแก่ Syd Barrett อดีตเพื่อนร่วมวงผู้ก่อตั้งวง Pink Floyd คือเพลง 'Shine On You Crazy Diamond' และขึ้นอันดับ 1 ในเวลาต่อมาเช่นกัน

ทำไมเปลวไฟจึงมีความหมาย

เบื้องหลังปกอัลบั้ม Wish You Were Here

สำหรับปกอัลบั้มที่เป็นที่จดจำชุดหนึ่งของเหล่านักสะสมแผ่น คือภาพที่ 2 นักธุรกิจยืนจับมือกันโดยที่มีไฟลุกท่วมอีกคน แต่กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งการถ่ายภาพนี้ใช้สตั้นแมน 2 คนจากฮอลลีวูดคือ Danny Rogers กับ Ronnie Rondell

ปกอัลบั้ม Wish You Were Here

โดยรอนนี่ใส่ชุดกันไฟที่มีhoodปิดถึงหัวแล้วใส่วิกผม ก่อนสวมทับด้วยชุทสูทด้านนอก โดยถ่ายทำที่สตูดิโอของ Warner Bros.ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งตอนนั้นเรียกกันว่า "The Burbank Studio"

เมื่อเริ่มจุดไฟในตอนแรก ลมมาผิดทิศทางลม จึงทำให้เปลวไฟพัดเข้าหน้าของรอนนี่จนไหม้หนวดของเขา ทั้งสองจึงสลับตำแหน่งกัน และจับมือกันด้วยมือซ้าย ถ่ายเก็บภาพได้ทั้งหมด 15 ภาพ ภาพที่ถูกเลือกนำมากลับรูปสลับด้านเพื่อให้รอนนี่(มีเปลวไฟ)อยู่ด้านขวามือของภาพ ทำให้ดูเหมือนจับมือกันด้วยมือขวาปกติ

อย่างไรก็ตามถ้าเราสังเกตปกอัลบั้มดีๆ เราจะเห็นหมายเลข 20 ตรงผนังของอาคารหลังหนึ่ง ตรงนี้จะอธิบายว่าอย่างไรดี..ปล่อยให้เป็นปริศนาต่อไป แต่ถ้าเป็นสมัยนี้ทุกอย่างทำได้ง่ายเหมือนจริงด้วย Photoshop โดยไม่ต้องจุดไฟเผาเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนสมัยนั้น ดังนั้นงานปกอัลบั้มของยุคนั้นจึงดูมีคุณค่าและน่าสะสม

concept อัลบั้ม

แนวคิดของการออกแบบปกอัลบั้ม Wish You Were Here คือต้องการให้เห็นภาพความว่างเปล่า การไม่มีตัวตน การจับมือ(shake hand) และการถูกไฟเผา (getting burned) จึงมีความหมาย อย่างไรนั้นไปหาคำตอบกันเลยครับ

การค้นหา"concept"

ซึ่งทีมงานออกแบบของ Hipgnosis เริ่มต้นจากการฟังเพลงชุดนี้ในห้องที่ไม่มีอะไรพิเศษ แล้วนั่งถกกันเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่อเพลง เนื้อหาของเพลงและหาคำตอบว่าอัลบั้มชุดนี้ต้องการบอกอะไรคนฟัง ซึ่งทั้งหมดนี้ทางวงไม่ได้ให้ข้อมูล แต่ให้ค้นหาจากการฟังเพลงในอัลบั้มชุดนี้

อย่างเพลง "Wish You Were Here" พูดถึงเรื่องราวที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง การได้สนทนาหารือโดยเฉพาะกับวง ที่มุ่งเน้นไปที่เรื่องภายใน การได้สัมผัสกับความเป็นประกายที่ชวนหลอกหลอนในเพลง ‘Shine on You Crazy Diamond’ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า นำไปสู่เรื่องๆเดียวที่เป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากคำว่า "การไม่มีตัวตน" (absence)

แปลง"concept"ให้เป็นรูปธรรม หรือความหมายของปก

ทีมงานได้ออกแบบแนวคิดสำหรับปกอัลบั้มโดยใช้คน 2 คนจับมือกันเพื่อตกลงในสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ โดยให้เหตุผลว่าการจับมือนั้นเสมือนเป็นความว่างเปล่า ไม่มีความหมายหรือจุดประสงค์ใดๆ เหมือนกับจับมือให้มันจบๆกันไป

ส่วนเปลวไฟสื่อถึงสถานการณ์ที่ผู้คนไม่ต้องการแสดงความรู้สึกของตัวเอง หรือเก็บเนื้อเก็บตัว (การไม่มีตัวตน) ซึ่งเราจะเห็นว่าตัวรอนนี่ไม่รู้สึกรู้สาว่าตัวเองกำลังโดนไฟเผา (Getting Burned) เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

ความหมายที่แท้จริงของ"การถูกไฟเผา"(Getting Burned)

เพราะความหมายที่แท้จริงของการโดนไฟเผา (Getting Burned) เป็นศัพท์ที่ใช้ในแวดวงอุตสาหกรรมดนตรี ในกรณีที่นักดนตรีหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี ดังนั้นคนที่ "Getting Burned" ก็ต้องทำตัวให้ไม่มีตัวตนหรือไร้ความรู้สึกนั่นเอง ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่สรรพากรคงถามหาแน่นอน

อย่างที่รู้กันในประเทศอังกฤษการเก็บภาษีขึ้นชื่อว่ามหาโหด ถึงขนาด Rod Stewart ต้องหนีไปทำอัลบั้มถึงอเมริกา แม้แต่ Led Zeppelin ก็ยังต้องหนีไปทำอัลบั้มจนเคยเป็น black list ห้ามแสดงสดในอังกฤษ ส่วน George Harrison ก็เคยเขียนเพลง Taxman ไม่เห็นด้วยกับการเก็บภาษีที่ไม่เห็นใจคนทำงานสุจริต

In originally “getting burned” also the term in the music industry used in cases where musicians avoid paying taxes. - hardwiredmagazine.com

เป็นไงครับ get หรือยังครับ กว่าจะทำความเข้าใจกับแนวคิดของคนออกแบบปกอัลบั้มชุดนี้ "ความว่างเปล่าและการไม่มีตัวตน" แสดงออกมาผ่านการจับมือและการถูกไฟเผา

และถ้ามีเวลาผมจะมาคุยถึงเพลงเอกของอัลบั้มชุดนี้ ‘Shine on You Crazy Diamond’ ติดตามกันยาวๆไปเลย ขอให้มีความสุขครับ

วี welove/ 4 October 2023

ติดตามทางเพจ Facebook

ติดตามทาง Line

ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.info

    11