วี welove

27 ส.ค. 20212 นาที

การพบกันของทั้งคู่ ทำให้ Elvis เกลียด John Lennon ไปตลอดกาล...วันนี้ในปี 1965

อัพเดตเมื่อ: 28 ส.ค. 2021

27 สิงหาคม 1965 ครบรอบ 56 ปีที่ 2 ตำนานผู้ยิ่งใหญ่ของวงการเพลงร็อคแอนด์โรล The Beatles และ Elvis Presley ได้เจอกันเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย วันนี้ในอดีต

ยืนอยู่คนละมุม...ตั้งแต่ก่อนขึ้นชก

การพบกันครั้งนี้มีขึ้นที่แมนชั่นหรูของเอลวิส "Bel Air" ในนครลอสแองเจลิส ภายใต้การรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ผู้พัน Tom Parker ไม่อนุญาติให้มีการถ่ายรูป และไม่ให้สื่อมวลชนเข้ามาทำข่าว มีเพียง Chris Hutchins นักข่าวหนึ่งเดียวจากอังกฤษ "New Musical Express" ซึ่งเตรียมอุปกรณ์การทำข่าวมาพร้อม

ทั้ง Beatles และ Elvis ต่างรู้สึกประหม่าต่อการเจอกันครั้งนี้ เดอะบีทเทิลส์มองเอลวิสอย่างชื่นชม เขาคือราชาร็อคแอนด์โรลตัวจริงเสียงจริง ส่วนเอลวิสและผู้พันปาร์กเกอร์มองเดอะบีทเทิลส์เป็นตัวปัญหาจากลิเวอร์พูลที่กำลังจะมาคุกคามอาณาจักรของพวกเขา เพราะเอลวิสผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และกำลังอยู่ในช่วงขาลง ต่างกับ The Beatles ซึ่งกำลังเป็นช่วงขาขึ้น และกำลังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของชื่อเสียง

แทกติกต่างกัน

Elvis Presley & Colonel Tom Parker ในปี 1969

ด้วยภาพลักษณ์หนุ่มหล่อผิวขาวจากทางใต้ที่หลงใหลในดนตรีของคนผิวสี R&B, country และเพลงป๊อบ ทำให้เอลวิสครอบครองโลกดนตรีไว้ในกำมือได้อย่างง่ายดาย และเมื่อผู้พันปาร์กเกอร์ให้ความสำคัญเรื่องความสำเร็จทางธุรกิจมากกว่าการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เขาจึงเป็นผู้กำหนดทุกอย่างเกี่ยวกับเอลวิส ดังนั้นในช่วงปี 1965 เอลวิสจึงทำแต่เพลงซาวด์แทร็กหนังที่เขาแสดงเท่านั้น ไม่มีอะไรใหม่ๆให้แฟนเพลงได้ตื่นเต้นเหมือนในช่วงยุค 50s

ตรงข้ามกับ Brian Epstein ผู้จัดการของThe Beatles เขาให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์การสร้างผลงานเพลง เขาจึงสนับสนุนThe Beatls ทุกทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ไบรอันรู้ดีว่าทั้ง 4 หนุ่มมีการศึกษา มีความเป็นศิลปิน และมีความเป็นตัวของตัวเองที่ดูมีเสน่ห์ สอดคล้องกับทิศทางของวัยรุ่นในยุค 60s

Chris Hutchins นักข่าวหนึ่งเดียวของงานนี้ เคยพยายามให้ Elvis เจอ The Beatles หลายต่อหลายครั้ง แต่ผู้พันปาร์กเกอร์ไม่ค่อยเต็มใจจัดการเรื่องนี้สักเท่าไร เพราะความดังของThe Beatles ในช่วงเวลานั้น ( Beatlemania) บดบังรัศมีของ Elvis จนตกเป็นรองไปเรียบร้อยแล้ว การพบกันของทั้งสองฝ่ายอาจจะทำให้เอลวิสดูไม่เด่นเท่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้พันปาร์คเกอร์ไม่อยากเห็น

ความพยายามในครั้งนั้นเกิดขึ้นในปี 1964 โดย Chris Hutchins แนะนำ The Beatles ได้รู้จักผู้พันปาร์คเกอร์ ผู้พันได้มอบของขวัญให้ทั้ง 4 คนเป็นเข็มขัดและซองหนังแบบตะวันตก และในวันนั้นพอลได้คุยสายกับเอลวิสในช่วงเวลาสั้นๆด้วย ซึ่งนำไปสู่การนัดพบกันในเวลาต่อมา

วันนั้นก็มาถึง

ในที่สุดการพบกันของ 2 ตำนานผู้ยิ่งใหญ่จึงเกิดขึ้นในวันศุกร์ที่ 27 สิงหาคมปี 1965 (พ.ศ.2508) โดยผู้พันปาร์กเกอร์กับ Joe Esposito ผู้จัดการจัดทัวร์คอนเสิร์ตของเอลวิสได้ขับรถลิมูซีน 'Cardilac' ไปรับ The Beatles และ Brian Epstein ถึงที่พักที่ Benedict Canyon ตลอดทางทั้ง 4 หนุ่มสนุกกับการสูบบุหรี่ คุยขำขัน หัวเราะกันสนุก และมาถึงหน้าประตูรั้วด้านนอกแมนชั่นราว 5 ทุ่ม มีเสียงกรีดร้องจากบรรดาแฟนเพลงสาวๆซึ่งยืนรออยู่รั้วด้านนอก จอห์นเล่าว่า "พวกเราทุกคนกระสับกระส่ายราวกับจะตกนรกทั้งเป็น พวกเราเห็น Elvis ถูกรายล้อมด้วยสมุนมาเฟีย'เมมฟิส' และกลุ่มเพื่อนบิ๊กไบค์เต็มไปหมด"

บรรยากาศชวนอึดอัดก่อนจะเริ่มแจมกัน

เอลวิสรออยู่ตรงหน้าประตูบ้าน และเมื่อทุกคนลงมาจากรถ เขาก็พาทุกคนเดินผ่านล็อบบี้ทรงกลมขนาดใหญ่ ที่มีแสงไฟสีแดงและน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีโปรดของเอลวิส แล้วเดินตรงมายังห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่มีโทรทัศน์สีจอยักษ์ซึ่งปิดเสียงอยู่ และทุกคนก็นั่งรวมกันที่นี่ โดยมี Brian Epstein และพันเอก Tom Parker ยืนอยู่ข้างๆ

ตอนพบกันนั้นเอลวิสนั่งอยู่ระหว่างจอห์นกับริงโก้ โดยจอห์นกับพอลนั่งอยู่ด้านขวา ส่วนริงโก้ และจอร์จนั่งอยู่ด้านซ้ายของเอลวิส ภายในห้องเปิดเพลงจากตู้ Jukebox ดังพอประมาณ (ไม่ใช่เพลงของพวกเขา) พอเสียงเพลงหยุดลง ทั้งห้องเงียบไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรเลย สักพักสายตาทุกคู่ก็หันมามองที่เอลวิสเป็นจุดเดียว

เอลวิสแก้เขินด้วยการหยิบรีโมทมาเปลี่ยนช่องทีวีสีจอยักษ์ แล้วพูดขึ้นว่า

“If you damn guys are gonna sit here and stare at me all night I’m gonna go to bed.”
“ถ้าทุกคนยังนั่งจ้องผมอยู่ตรงนี้ทั้งคืน ผมก็จะขึ้นไปนอนแล้วนะ"

พอลตอบรับทันที "จริงๆเราน่าจะคุยกันเรื่องเพลง หรือไม่ก็เล่นแจมกันสักหน่อย” แล้วเดินไปนั่งตรงเปียโนสีขาวที่วางอยู่พร้อมแจมเพลงร็อคของเอลวิสเพื่อเอาใจเจ้าบ้าน โดยเอลวิสเล่นเบสแม้จะเป็นมือใหม่ ส่วนจอห์นกับจอร์จเล่นกีต้าร์อยู่ข้างๆ แม้ริงโก้จะไม่มีกลองตี แต่ก็ช่วยนั่งเคาะจังหวะอยู่ตรงนั้น สักพักริงโก้ย่องไปจอยเล่นพูลกับเหล่าสมุนเอลวิสอีกมุมห้อง ช่วงเวลานั้นพายุพัดแรง ฟ้าผ่าดังกึกก้องไปทั่วภูเขา ฝนซัดสาดลงบนหลังคาแมนชั่นสุดหรู ยิ่งฝนสาดเสียงดังมากขึ้นเท่าไร พวกเขาก็เล่นดังมากขึ้นเท่านั้น

คุยเรื่อยเปื่อยก่อนบรรยากาศจะกลับมาชวนอึดอัดอีกครั้ง

หลังจากหมดเพลงที่จะเล่นด้วยกัน ทั้ง 2 ฝ่ายก็ใช้เวลาเสวนาเกี่ยวกับปัญหาที่พวกเขาต้องเผชิญกับแฟนเพลงระหว่างออกทัวร์คอนเสิร์ต จอร์จคุยเกี่ยวกับเครื่องบินที่พวกเขานั่งเกิดไฟไหม้ระหว่างร่อนลงที่พอร์ตแลนด์ เอลวิสเมื่อได้ฟังก็เล่าประสบการณ์เดียวกันที่เกิดกับเครื่องบินที่เขานั่งที่แอตแลนต้า

และเมื่อเอลวิสคุยเกี่ยวกับการเร่งทำหนังที่เขาแสดงให้จบภายใน 4 สัปดาห์ The Beatles เมื่อได้ฟังก็ถึงกับอึ้งเพราะพวกเขาเคยถูกเร่งให้ทำการแสดงให้จบภายใน 6 สัปดาห์ แค่นั้นพวกเขาก็เครียดจนแทบจะนอนไม่หลับกันอยู่แล้ว จอห์นนึกสงสัยว่าทำไมเอลวิสถึงเอาดีกับการแสดงหนังและร้องเพลงเฉพาะในบทหนังเท่านั้น จึงถามเอลวิสว่า

“Why don’t you go back to making rock’n’roll records?” (ทำไมคุณไม่กลับไปทำเพลงร็อคแอนด์โรลเหมือนเคย)
“What happened to the old rock ’n’ roll Elvis?” (เกิดอะไรขึ้นกับเอลวิสคนร็อคยุคเก่า)

คำถามนี้อาจจะฟังดูไม่มีอะไร แต่สำหรับเอลวิสแล้ว มันแทงใจเขามากเพราะจอห์นพูดเหมือนตอกย้ำว่าความนิยมของเขากำลังอยู่ในช่วงขาลง แทนที่เอลวิสจะโต้ตอบกลับ เขากลับอ้างเหตุผลเรื่องคิวการแสดงที่แน่นจนทำให้เขาไม่มีเวลาทำอย่างอื่นได้เลย

John Lennon & Elvis Presley

แต่สุดท้ายจอห์นก็ทำให้เอลวิสโกรธจนได้ จุดเริ่มต้นมาจากโคมไฟตั้งโต๊ะขนาดใหญ่ซึ่งมีข้อความเขียนว่า "All the Way with LBJ" ซึ่งทันทีที่จอห์นมองเห็น เขาพูดในฐานะพวกต่อต้านสงครามว่า เขาเกลียดประธานาธิบดีจอห์นสัน 'Lyndon B Johnson' ( LBJ ) เพราะเป็นผู้จุดชนวนสงครามเวียตนาม

เอลวิสที่เคยรับใช้กองทัพสหรัฐมา 2 ปี ได้ฟังดังนั้นถึงกับโกรธไม่พอใจ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เอลวิสไม่ชอบจอห์น ไม่ถูกชะตากันนับตั้งแต่วันนั้น....แม้จะไม่มีการโต้ตอบใดๆจากเอลวิส แต่บรรยากาศในตอนนั้นก็คงพอทำให้เข้าใจว่า เจ้าบ้านไม่พอใจเป็นอย่างมาก

The Beatles ได้ยลโฉมพริสซิลลา

Elvis & Priscilla Presley

พอลเล่าว่า "ราวๆสัก 5 ทุ่ม 'Priscilla' แฟนสาวของเอลวิสได้ลงมาปรากฏตัว ภาพที่เห็นเหมือนภาพตุ๊กตาบาร์บี้เดินได้ เธอใส่เสื้อผ้าฝ้ายลายตารางสีม่วงกับชุดโบว์ผูกผมลายเดียวกัน เธอแต่งหน้าเข้มมาก"

พอใกล้เที่ยงคืน เอลวิสสั่งให้เชฟ Alvena Roy เตรียมอาหาร ก่อนที่ The Beatles จะลากลับ พวกเขาอยู่ด้วยกันร่วม 3 ชั่วโมง และออกจากแมนชั่นราวๆตี 2 ซึ่งยังคงมีสาวๆยืนรอส่งเสียงกรี๊ดอยู่นอกประตูรั้ว

เอลวิสโบกมือส่งแขกและได้มอบอัลบั้มครบชุดของเขาให้กับแต่ละคน พร้อมกับซองหนังสำหรับใส่ปืนพก เข็มขัดหนังสีทอง และโคมไฟตั้งโต๊ะที่ดูคล้ายรถเกวียน แล้วบอก The Beatles ว่าถ้ามีโอกาสมาเทนเนสซี อย่าลืมแวะมาหาเขาที่เมมฟิสด้วย และเมื่อรถลีมูซีนที่รับส่ง The Beatles ขับออกมาจากรั้ว จอห์นหันมาพูดกับเพื่อนๆติดตลกว่า

“Where’s Elvis? It was like meeting Engelbert Humperdinck.” ( Elvis อยู่ไหน ยังกับมาเจอ Engelbert Humperdinck)

รู้หน้า ไม่รู้ใจ

Elvis & President Nixon

หลังจากการพบกันครั้งนั้น เอลวิสได้ติดต่อ J. Edgar Hoover ผู้อำนวยการ FBI กับประธานาธิบดีนิกสัน 'Nixon' โดยให้ข้อมูลว่า : The Beatles ได้สร้างปัญหาต่างๆมากมาย สร้างความขัดแย้งระหว่างคนหนุ่มสาวกับรัฐบาล การปรากฏตัวที่วุ่นวายและไม่หวังดีมาพร้อมกับเสียงเพลงที่ชี้นำตลอดต้นยุคถึงกลางยุค 60s นอกจากนี้เอลวิสยังอ้างว่า The Beatles วางยาพวกคนหนุ่มสาวชาวอเมริกัน โดยการใส่ร้ายอเมริกาด้วยการพูดในที่ชุมชน และในหลายๆกิจกรรม

ไม่มีความลับอีกต่อไป....แม้จะตายจากกันไปหมด...

ผ่านมาหลายปี The Beatles เพิ่งรู้ว่า เอลวิสร่วมมือกับเอฟบีไอพยายามห้ามไม่ให้พวกเขาเข้ามาในดินแดนอเมริกาอีก และเสนอให้เนรเทศจอห์นเลนนอนออกจากอเมริกาในปี 1972 เพราะจอห์นเป็นพวกต่อต้านสงคราม แต่กลับกลายเป็นประธานาธิบดีนิกสันที่ต้องเป็นฝ่ายเพลี้ยงพล้ำลาออกจากทำเนียบก่อนใครเพื่อนด้วยคดีอื้อฉาววอเตอร์เกท ในขณะที่จอห์นเลนนอนยังคงได้อยู่อเมริกาต่อไป......

ในปี 1977 เป็นคิวของเอลวิสที่จากโลกนี้ไปอย่างกระทันหัน.....และผ่านไปแค่เพียง 3 ปี จอห์นเลนนอนก็ถูกยิงเสียชีวิตใจกลางกรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ดินแดนสนธยาของใครต่อใครหลายคน.....#RIP

วี welove / 27 Aug 20 (edit 2021)

แปล และอ้างอิงจาก เว็บไซต์ heraldscotland.com

ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์ (ด้านล่าง)

ติดตามทางไลน์ คลิกปุ่ม"เพิ่มเพื่อน"(ด้านบน)

ติดตามทางเพจ Facebook

ติดตามทาง Line

ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.info

    22