วี welove

25 ก.ย. 20222 นาที

เมื่อ The Beatles เปลี่ยนซาวด์ของ Pink Floyd และเปลี่ยนโลกของ Glenn Frey ในยุค 60s

อัพเดตเมื่อ: 27 ก.ย. 2023

ในยุค 60s มีวงเกิดขึ้นมากมาย แต่วงที่มาแรงเปลี่ยนโลกทั้งใบในชั่วข้ามคืนคือ The Beatles เราลองไปฟังเสียงจากศิลปินที่มีชื่อเสียงในยุค 70s พูดถึงประเด็นนี้กัน

Ozzy Osbourne แห่งวง Black Sabbath เคยเล่าให้ลูกฟังว่า

"ลองหลับตานึกดู บนโลกใบนี้ที่ลูกกำลังเข้านอน พอตื่นขึ้นมาลูกเหมือนอยู่บนโลกอีกใบ มันช่างแตกต่างโดยสิ้นเชิง รู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่ยังมีชีวิตอยู่ (ที่ได้เห็น The Beatles)"

นั่นเป็นบทสรุปความรู้สึกส่วนลึกของ Ozzy Osbourne ต่อการมาของวง The Beatles จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายๆศิลปินชื่อดังล้วนแต่ได้รับอิทธิพลจาก The Beatles กันทั้งนั้น..และนี่คือเรื่องราวของ 2 ศิลปินของจริงที่เป็นหนึ่งในนั้นด้วย เรื่องราวเป็นอย่างไรนั้น ติดตามอ่านกันต่อเลยครับ..

อิทธิพลของ The Beatles ที่มีต่อ Pink Floyd

แม้แต่ David Gilmour ก็ยังเคยออกตัวว่า The Beatles เป็นวงเดียวที่เขาปรารถณาอยากร่วมวงด้วย วง Pink Floyd ทำอัลบั้มแรกของตัวเอง "The Piper at the Gates of Dawn" ที่สตูดิโอ 3 ใน Abbey Road ที่เดียวกับ The Beatles ซึ่งขณะนั้นกำลังทำอัลบั้ม Sgt. Pepper เช่นกัน พวกเขา(Pink Floyd) ได้ยินเสียงเพลง Lovely Rita เล็ดรอดออกมาตามทางเดิน และเสียงเพลงนั้นทำให้รูปแบบเพลงของวง Pink Floyd เปลี่ยนไปจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว..

Nick Mason มือกลองวง Pink Floyd บอกว่า

"ถ้าไม่มี The Beatles ในวันนั้น ก็อาจจะไม่มีวง Pink fLoyd ในวันนี้"

เพราะอัลบั้ม Sgt. Pepper ได้เปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมแผ่นเสียงโดยสิ้นเชิง พวกเขาใช้เวลาทำงานอยู่ในสตูดิโอมากขึ้น และมีอิสระในการทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ และนี่คือผลงานที่เกิดขึ้น "Bike" แทร็กสุดท้ายของอัลบั้มเปิดตัวของพวกเขา..ลองฟังไปเรื่อยๆจนถึงในนาทีที่ 1.50 แล้วฟังต่อไปจนจบก็จะเข้าใจความหมายที่ Nick Mason พูดถึง

Glenn Frey : จากดาวเด่นนักกีฬากลายเป็นนักดนตรีชื่อก้องโลก

Glenn Frey ก็เหมือนเด็กทั่วๆไป ที่สนใจดนตรี แม้ที่บ้านจะติดรายการเพลงทางทีวีอย่าง 'Hit Parade' แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาหลงใหลดนตรี แต่กลับเป็นกีฬาที่เขาหลงใหล เป็นเพราะตอนสมัยเรียนระดับไฮสคูล Glenn Frey จะติดรถไปกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งพ่อของเพื่อนเป็นคนขับ ซึ่งเพื่อนคนนี้มักจะถูกพ่อทำร้าย อารมณ์ของเพื่อนคนนี้จึงมาลงที่เขา Glenn Frey จึงหาทางออกโดยเลือกที่จะเล่นกีฬา จะได้หนีพ้นจากการถูกรังแก และเขาก็ทำสำเร็จเมื่อเขาถูกคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในทีมมวยปล้ำของโรงเรียน พร้อมกับเป็นดาวโรงเรียนอีกด้วย

Young Glenn Frey

ช่วงเวลานั้นเขาหันมาฝึกฝนเรียนดนตรีเป็นเรื่องเป็นราว จนได้เป่าทรัมเป็ตกับวงโรงเรียน อีกทั้งยังมีโอกาสได้เรียนเปียโนและคีย์บอร์ดกับนักเปียโนมืออาชีพอีกด้วย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทิ้งการเป็นนักกีฬาเพื่อมาเป็นนักดนตรี แต่อย่างที่รู้ๆกัน Glenn Frey เป็นหนึ่งในศิลปินนักดนตรีที่มีความสามารถมากคนหนึ่งที่โลกยอมรับ แล้วอะไรทำให้เขาหักเหเปลี่ยนตัวเองมาเป็นนักดนตรีได้ แม้จะสนใจในทรัมเป็ต เปียโนและคีย์บอร์ด แต่เขากลับเลือกที่จะเล่นกีต้าร์ เพราะอะไรนั้น ผมจะเล่าให้ฟัง..

วันที่ 6 กันยายน ปี 1964 Glenn Frey ในวัย 16 ปีได้มีโอกาสไปชมคอนเสิร์ตของ The Beatles ที่เมืองดีทรอยต์ พวกเขาร้องเพลง “All My Loving,” “She Loves You,”“If I Fell,” “I Want to Hold Your Hand,” “Things We Said Today,” “Roll Over Beethoven” และ “Twist and Shout”

จากคอนเสิร์ตครั้งนี้ Glenn Frey ได้เห็น ได้ฟัง ได้รู้สึกอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนชีวิตของเขาเพียงชั่วข้ามคืน ทำให้การเรียนเปียโนเริ่มรู้สึกน่าเบื่อ กีต้าร์เริ่มเข้ามาแทนที่คีย์บอร์ดที่เขาคุ้นเคย เขาเริ่มรวมตัวเพื่อนที่มีกีต้าร์โปร่งตั้งเป็นวงชื่อ The Disciples และยังรวมตัวเพื่อนในโรงเรียนตั้งเป็นวงชื่อ the Hideouts ซึ่งตั้งชื่อตามคลับชื่อดังในเมืองดีทรอยต์สมัยนั้น

อิทธิพลของ Bob Seger ที่มีต่อ Glenn Frey

พวกเขาจะเล่นเพลงป๊อบกัน และเมื่อ Glenn Frey ต้องการขยับไปสู่วงร็อค เขาจึงตั้งวงใหม่ชื่อ the Mushroomsในปี 1967 ซึ่งทำให้ผู้จัดการของ Bob Seger สนใจมาดูแลวง Glenn Frey จึงมีโอกาสได้รู้จักและคลุกคลีกับ Bob Seger นักดนตรีดาวเด่นแห่งเมืองดีทรอยต์ ทั้งคู่เข้ากันได้ดีถึงขนาดชวนไปห้องบันทึกเสียงและให้ Glenn ช่วยร้องประสานและเล่นกีต้าร์อคูสติกเพลง Ramblin' Gamblin' Man ของเขาในปี 1968 นอกจากนี้ Bob ยังสอน Glenn บันทึกเสียงอีกด้วย อีกทั้งยังแนะนำให้เขารู้จัก Mickey Stevenson หนึ่งในโปรดิวเซอร์ของ Motown

Glenn Frey และ Bob Seger ในวัยร่วงโรย ทั้งคู่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตั้งแต่ปี 1967 จวบจนวาระสุดท้ายของ Glenn Frey

จะว่าไปแล้ว Bob Seger ก็คือผู้ที่มีอิทธิพลตัวจริงต่อ Glenn Frey เขาพา Glenn เข้ามาในวงจรธุรกิจอุตสาหกรรมวงการเพลง แน่นอนว่า Glenn Frey เรียนรู้หลายๆอย่างจากเขา แม้แต่สูตรสำเร็จในการเป็นนักดนตรีที่ประสบความสำเร็จ คือจะต้องเขียนเพลงของตัวเองขึ้นมา เขียนไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีเพลงดังขึ้นมา

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงยุค 60s แต่เป็นการปูทางที่สำคัญของ Glenn Frey ก่อนที่เขาจะได้เจอ Don Henley และสร้าง The Eagles ขึ้นมาได้อย่างยิ่งใหญ่ และเป็น Bob Seger อีกเช่นกันที่ทำให้ Glenn Frey กลับไปร่วมวงกับ The Eagles อีกครั้งในปี 1994 ซึ่งที่ผ่านมาหลายปีมีเขาคนเดียวที่ไม่ยอมตอบรับการ reunion ของวง The Eagles

วี welove / 25 September 2022

ติดตามทางเพจ Facebook

ติดตามทาง Line

ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.info

    13