"Elvis ดังแล้วแยกวงจริงหรือไม่ ?" เล่าจากปากของ Scotty Moore มือกีต้าร์คู่บุญยุค 50s ของ Elvis

ภาพของ Elvis Presley ในช่วงยุค 50s สังกัดค่าย Sun Records เราจะเห็นภาพของเด็กหนุ่มหล่อผิวขาวทรงผมดำเงา ใส่เสื้อผ้ามีเอกลักษณ์โดดเด่น มีทั้งพลังเสียงร้องและท่าเต้นอันยั่วยวนสาวรุ่นน้อยใหญ่ โดดเด่นอยู่ด้านหน้าเพื่อนๆสมาชิกวง 'The Blue Moon Boys' ซึ่งมี Scotty Moore เป็นมือกีต้าร์ และ Bill Black เป็นมือเบส

ก่อนที่ Elvis Presley จะโด่งดังไปทั่วโลกในปี 1956 Elvis และ Scotty Moore มือกีต้าร์ (เคยเป็นผู้จัดการคนแรกของเอลวิสในปี 1954) ,Bill Black มือเบสเคยออกแสดงสดในช่วงฤดูร้อนของปี 1955 เป็นการสั่งสมประสบการณ์ ฝึกฝนทักษะการแสดงบนเวที อีกทั้งได้รู้ถึงความบ้าคลั่งของสาวๆเป็นครั้งแรก จนฤดูร้อนผ่านไปความร้อนแรงกลับยิ่งทวีคูณ เพราะทุกที่ที่ Elvis ไปจะมีแต่สาวๆรุมล้อมและรุมทึ้งเสื้อผ้าจนฉีกขาด นั่นเป็นช่วงก่อนที่พวกเขาจะมีนัดบันทึกเสียงกันอีกครั้งที่ Sun Records ในเดือนกรกฏาคมปีนั้น และไม่มีใครล่วงรู้ได้เลยว่า จะเป็นการบันทึกเสียงด้วยกันครั้งสุดท้ายที่นั่น..อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์หลังจากนั้นกลับยิ่งน่าตกใจกว่า เกิดอะไรขึ้นกับ Elvis และนักดนตรีคู่บุญที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขามาตั้งแต่ต้น ไปติดตามอ่านกันต่อเลยครับ

การบันทึกเสียงในวันนั้นก็เหมือนวันอื่นๆ เพียงแต่มีมือกลองมาเสริม วันนั้นพวกเขาบันทึกเพลง “I Forgot to Remember to Forget” และเพลง "Mystery Train" แต่ในช่วงแรกยังไม่ได้ใช้กลอง แบบเดียวกับเพลง "That's All Right,Mama"

Scotty Moore เล่าว่าจังหวะการร้องของ Elvis ทำให้เพลงฟังดูมีช่วงจังหวะมากขึ้น เขาต้องเล่นกีต้าร์ราวกับเล่นกีต้าร์ 2 ตัวไปพร้อมกัน ซึ่งเขาบอกว่ามันเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นแบบนึกไม่ถึง ถ้าให้เขาย้อนกลับไปเล่นใหม่ จะไม่ได้ฟิลนั้นอีก เพราะ Elvis ร้องไปตามที่เขาอยากร้อง ส่วนตัวเขาเองก็เล่นไหลลื่นไปตามที่ได้ยินในตอนนั้น

วันนั้นพวกเขาบันทึกปิดท้ายด้วยเพลง "Try To Get To You" เพลงแนว R&B ที่บันทึกยังไม่เสร็จตอนช่วงต้นปี 1955 อย่างไรก็ตามเพลงที่ถูกเลือกเป็นซิงเกิ้ลคือเพลง "I Forgot to Remember to Forget” และเพลง "Mystery Train" ซึ่งออกมาในเดือนสิงหาคมปีนั้น

Scotty Moore พูดถึงเพลง "Mystery Train" ว่าสไตล์การเล่นกีต้าร์ของเขาลงตัวเข้ากันได้ดีกับเพลง เขาพยายามสร้างความแตกต่างให้กับนักร้องซึ่งในยุคนั้นไม่ค่อยเห็นเด่นชัด เสียงกีต้าร์ของเขาฟังดูเหมือนจะไปทิศทางตรงข้ามกับจังหวะเสียงร้องของ Elvis แต่เป็นไปในลักษณะสอดคล้องกัน เหมือนคู่เต้นลีลาศที่วางเท้าตรงข้ามกันแต่สอดรับกันไปตลอดทาง

จากการนำกลองมาใช้บันทึกเสียงในครั้งนี้ ทำให้ Scotty Moore กับ Bill Black ติดใจและเห็นด้วยกับการเพิ่มกลองในการทำเพลงและออกทัวร์คอนเสิร์ต มันสามารถเติมเต็มช่องว่างของเสียงที่กีต้าร์ตัวเดียวเอาไม่อยู่ ดังนั้นเขาจึงเสนอให้ D.J. Fontana มาเล่นกลองให้กับวง Elvis เห็นด้วยกับทั้งคู่แต่ติดปัญหาตรงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง Scotty Moore กับ Bill Black ยินดีแชร์ค่าจ้างรายสัปดาห์ให้ในส่วนนี้ $100 เพราะทั้งคู่มองว่ามันคุ้มมากเพื่อให้เพลงของพวกเขาสมบูรณ์แบบ

ถึงตอนนี้ D.J. Fontana พร้อมเล่นกับ Scotty Moore, Bill Black และ Elvis ที่ Hayride ทุกสัปดาห์ โดยในวันแรกเขายังเล่นอยู่หลังม่าน ปล่อยให้ Elvis, Scotty Moore และ Bill Black โชว์อยู่หน้าเวที แต่หลังจากนั้นเขาก็เป็นส่วนหนึ่งหน้าเวทีของทุกโชว์ แม้สัญญาจ้างจะเริ่มในเดือนสิงหาคมปี 1955 แต่ทว่ากว่า D.J. Fontana จะได้ค่าจ้างก็ต้องรอจนถึงเดือนธันวาคม เรื่องนี้อาจเป็นเพราะทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน

เพราะความฝันที่ Scotty Moore ฝันไว้มีเหตุต้องสะดุดในเดือนนั้นพอดี เนื่องจากการประชุมร่วมกับ Elvis และ Bob Neal ผู้จัดการของเอลวิส (คนที่ 2 ต่อจาก Scotty Moore) ทำให้เขาได้รับข่าวร้ายเกี่ยวกับสัญญาปากเปล่าที่เคยตกลงกันไว้ว่า ทุกๆการแสดง Elvis จะได้ 50% ส่วนเขาและ Bill Black จะได้คนละ 25% ซึ่งต่อจากนี้พวกเขาจะได้ค่าตอบแทนเป็นค่าจ้างแทน โดย Bob Neal ให้เหตุผลว่า Elvis กลายเป็นนักร้องดังไปแล้ว ค่าตอบแทนที่เอลวิสได้รับจึงไม่สมเหตุสมผลอีกต่อไป

Scotty Moore รู้สึกว่าโลกทั้งใบพังทลายอยู่ตรงหน้า โลกของวง The 'Blue Moon Boys' จบสิ้นไม่มีฝันอันสวยงามอีกต่อไป เขากับเอลวิสเริ่มต้นจากการเป็นหุ้นส่วน แต่ตอนนี้เขาเป็นได้แค่คนรับจ้างเล่นกีต้าร์ให้เอลวิส เป็นเพราะสัญญาปากเปล่าก่อนหน้านี้ ใจซื้อใจทำให้เขากับ Bill Black ต้องยอมรับข้อตกลงใหม่นี้ ถึงแม้เขาจะขู่ลาออกจากวง แต่ทาง Bob Neal ก็ไม่สน ยังคงยืนกรานข้อเสนอเดียว "จะรับหรือไม่รับงาน" ไม่มีตัวเลือกอื่นอะไรทั้งนั้น

Scotty Moore กับ Bill Black เชื่อว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นความคิดของผู้พันปาร์กเกอร์ เขาเชื่ออย่างนั้นมาตลอด แต่มารู้ภายหลังจากปากของ Bob Neal ว่าทั้งหมดนี้เป็นการตัดสินใจของเอลวิส จนถึงวาระสุดท้ายของ Scotty Moore ก็คงยังไม่เชื่อว่าเอลวิสจะทรยศเขากับ Bill Black เพราะเอลวิสไม่ใช่คนอย่างนั้น

ตามข้อตกลงใหม่ Scotty Moore กับ Bill Black จะได้รับค่าตอบแทนสัปดาห์ละ $200 แต่ถ้าสัปดาห์ไหนไม่ได้ทำงาน พวกเขาจะได้รับเงินเพียง $100 ในสัปดาห์นั้น ซึ่งจากรายได้ที่ทั้งคู่ได้รับดูเหมือนจะมากมายสำหรับคนเดินถนนทั่วๆไปที่ไม่ต้องมีความรับผิดชอบอะไรเลย แต่สำหรับเขาแล้วมันไม่เพียงพอ เขายังต้องจ่ายค่าเสื้อ ค่าอาหาร และค่าอื่นๆจิปาถะ หรือแม้แต่พ่อของเอลวิสก็ยังมองว่าเป็นรายได้ที่มากพอ เพราะพ่อของเอลวิสไม่เคยทำรายได้มากกว่า $50 ต่อสัปดาห์ Scotty Moore จึงเข้าใจความคิดของคนอื่นๆ แต่โดยรวมแล้วเขาคิดว่า ค่าตอบแทนเท่านี้ไม่ถูกต้องสักเท่าไร

ส่วน Bob Neal ก็รู้ว่าการตัดสินใจของเขาทำให้ทั้ง Scotty Moore และ Bill Black รู้สึกลำบากใจมาก แต่เขายืนยันว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของงานที่เขาต้องทำ เขามีหน้าที่ทำสัญญากับ Elvis ไม่ใช่กับ Scotty Moore หรือ Bill Black

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ Bob Neal หมดสัญญากับ Elvis ในวันที่ 15 มีนาคม ปี 1956 Bob Neal เริ่มเบื่อหน่ายกับการเดินทางและคิดว่า Elvis คงเป็นเพียงกระแสความดังที่ไม่ยั่งยืน เขาจึงไม่ต่อสัญญากับ Elvis ต่อ และเป็นผู้พัน Tom Parker ที่มาสานต่อภารกิจนี้ และนับจากวันนั้นเรื่องราวของ Elvis จึงดูสลับซับซ้อนอย่างที่เราได้เห็นมาตลอด 21 ปีก่อนที่เอลวิสจะเสียชีวิตในปี 1977 โดยที่ Scotty Moore ไม่มีโอกาสแสดงคู่กับ Elvis อีกเลย จนกระทั่งปี 1968 ในรายการ '68 Comeback Special' อย่างที่เราทราบกัน และหลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย...

ขอบคุณข้อมูลจากหนังือ 'Scotty and Elvis Aboard The Mystery Train' (2013)

วี welove / 19 Septeber 2022

ติดตามทางเพจ Facebook

ติดตามทาง Line

ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.info