วี welove

5 ก.ย. 20232 นาที

เบื้องหลังเพลงดัง “The House of the Rising Sun” กับความหมายที่คลุมเครือ..

อัพเดตเมื่อ: ม.ค. 20

เบื้องหลังเพลง "The House of the Rising Sun"

วันนี้มาคุยถึงเพลงที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นหนึ่งในเพลงที่เยี่ยมยอดที่สุดของวงการเพลงร็อค ผมกำลังพูดถึงเพลง “The House of the Rising Sun” ของวง The Animals

เพลงอันดับ 1 (3สัปดาห์) บน Hot 100 วันนี้(5 September)ในปี 1964 (ในอังกฤษเพลงนี้มีความยาว 4.29 นาที ส่วนในอเมริกา ความยาวโดนตัดเหลือ 2.59 นาที) เราไปฟังเรื่องราวของเพลงนี้กันทั้งความหมาย ที่มาของเพลง และความบังเอิญที่วง The Animals เลือกเพลงนี้มาเล่นในคอนเสิร์ตของ Chuck Berry ระหว่างที่มาเยือนอังกฤษกลางปี 1964 ติดตามอ่านกันต่อเลยครับ..

นี่เป็นเพลงเบิกโรงของวง The Animals ก่อนที่พวกเขาจะมีเพลงตามมาอีก 17 เพลงที่เข้าสู่ตารางบิลบอร์ดในช่วงปี 1964-1968 แต่ความเป็นจริงแล้ว เพลง“The House of the Rising Sun”ไม่ใช่ซิงเกิ้ลแรกของวง แต่เป็นซิงเกิ้ลที่ 2 ของพวกเขาต่อจากเพลง "Baby Let Me Take You Home" ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลแรกเพียงแต่ไม่สามารถเข้าสู่ Billboard Hot 100 ได้นั่นเอง (อยู่อันดับ 102)

ความหมายของชื่อเพลง The House of the Rising Sun

ตามคำบอกเล่า เป็นไปได้ว่าชื่อเพลงมี 2 ความหมาย ความหมายแรกคือ “ซ่องในเมืองนิวออลีนส์” เพราะ “The House of Rising Sun” มาจากชื่อของมาดาม Marianne LeSoleil Levant ซึ่งในภาษาฝรั่งเศสมีความหมายว่า “Rising Sun” เปิดให้บริการในช่วงปี 1862 จนถึง 1874 ปิดบริการเนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากคนที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้น

The House of Rising Sun

อีกความหมายหมายถึง “เรือนจำสตรีในเมืองนิวออลีนส์” เพราะหน้ารั้วประตูทางเข้าเรือนจำ มี artwork เป็นรูป “Rising Sun” และในเนื้อเพลง มีคำว่า “ball and chain” (โซ่ตรวนกับลูกตุ้ม) จึงน่าจะหมายถึงสถานที่กักขัง หรือเรือนจำ

จุดเริ่มต้นของเพลง

เดิมเพลงนี้เป็นเพลงพื้นบ้านของชาวอังกฤษในศตวรรษที่ 16 พูดถึงชีวิตของหญิงสาวที่ถูกคุมขังในซ่องโสเภณี และเมื่อมีการย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากในสหรัฐก็มีการดัดแปลงเนื้อเพลงให้เกี่ยวข้องกับเมือง New Orleans พูดถึงชีวิตที่ลำบากยากแค้นในบ้านหลังหนึ่งที่นั่น ซึ่งใครๆก็เรียกบ้านหลังนี้ว่า "Rising Sun"

กลายมาเป็นที่นิยมในรูปแบบเพลงโฟล์คอเมริกัน-อัฟริกัน ซึ่งบันทึกครั้งแรกโดย Texas Alexander ในช่วงยุค 20s แล้วก็มีเล่นตามๆกันมา ศิลปินที่นำเอาร้องก่อนวง The Animals ก็มี Bob Dylan, Joan Baez ในปี 1960 และ Nina Simone ในปี 1962 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่วง The Animalsได้ฟังเป็นครั้งแรก (แต่ไม่ได้เอามาเป็นต้นแบบใน การร้องตาม) ถ้าคลิกฟังจะเห็นว่าอารมณ์ต่างกันราวคนละเพลง

Eric Burdon นักร้องนำวง The Animals เล่าว่าเขาได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรกในคลับแห่งหนึ่งในนิวคาสเซิล ร้องโดยนักร้องโฟล์คนาม Johnny Handle และรู้สึกว่าน่าสนใจจึงเลือกนำมาเล่นระหว่างออกทัวร์คอนเสิร์ตให้กับ Chuck Berry ที่มาเยือนอังกฤษช่วงเดือนพฤษภาคมปี 1964 โดยที่วงยังไม่ได้บันทึกในสตูดิโอแต่อย่างใด ปรากฎว่าได้รับความสนใจจากผู้ชมเป็นอย่างมากทุกรอบ

พวกเขาจึงตัดสินใจนำเพลงนี้มาทำเป็นซิงเกิ้ลที่ 2 โดยหาเวลาช่วงวันหยุดระหว่างทัวร์คอนเสิร์ตมาบันทึกเสียงเพลงนี้ และเป็นเวอร์ชั่นของวง The Animals ที่ทำให้เพลง "The House of the Rising Sun" โด่งดังไปทั่วโลก ขึ้นอันดับ 1 ทั้งในอังกฤษและอเมริกา หลังจากนั้นก็มีอีกหลายวงเอาไปคัฟเวอร์ เนื่องจากไม่มีใครอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของ จึงไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ใดๆ

ความบังเอิญ หรือความสามารถ

The Animals นำเสนอเพลงออกมาเป็นเรื่องราวของคนติดการพนัน ไม่ใช่เรื่องของโสเภณีหรือนักโทษหญิงตามความหมายเดิม ทำให้สถานีวิทยุสามารถนำเอามาเปิดออกอากาศได้อย่างโล่งใจ ผลก็เป็นไปตามคาด ด้วยการโปรโมททางสถานีวิทยุ ทำให้เพลงขึ้นถึงอันดับ 1 ทั้งในอังกฤษและอเมริกา

ที่น่าแปลกใจสำหรับเพลงดังเพลงนี้ก็คือ พวกเขาจบการบันทึกเพลงนี้เพียงแค่เทคเดียว เป็นระบบเสียงโมโน ใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาที แล้วใช้ได้เลย โดยไม่ต้องมีการ overdub ใดๆทั้งสิ้น สร้างความประหลาดใจให้กับ Micky Most โปรดิวเซอร์เป็นอย่างมาก เขาเชื่อว่าการทำงานครั้งนี้ ทุกอย่างมาถูกที่ถูกเวลาเหมาะเจาะลงตัวทุกอย่าง เป็นอะไรที่ยากจะอธิบายได้ เขายังเปรยว่างานชิ้นนี้แทบไม่ต้องให้เครดิตเขาก็ยังได้

คนที่ได้เครดิตเต็มๆกลายเป็น Alan Price มือคีย์บอร์ดผู้ทำการเรียบเรียงเพลงนี้เองเกือบทั้งหมด

Chuck Berry กับวง The Animals

Eric Burdon นักร้องนำวง The Animals เล่าว่า

"'House of the Rising Sun' is a song that I was just fated to. It was made for me and I was made for it." - Eric Burdon
“เพลงนี้สำหรับผมแล้วเหมือนถูกโชคชะตากำหนด มันถูกแต่งมาเพื่อให้ผมร้อง และผมก็เกิดมาเพื่อมาร้องเพลงนี้เช่นกัน"

Bob Dylan กับกีต้าร์ไฟฟ้าในงานแรก

เพลงนี้ปรากฎอยู่ในอัลบั้มแรกของ Bob Dylan ในปี 1962 ซึ่งบ็อบจะเอาเวอร์ชั่นของ Dave Van Ronk มาเป็นต้นแบบ แต่หลังจากที่เขาได้ฟังเวอร์ชั่นของ The Animal บ็อบก็เริ่มใช้กีต้าร์ไฟฟ้ากับเพลงแนวโฟล์คของเขา ซึ่งปรากฏให้เห็นในงานเทศกาลดนตรี Newport Folk Festival ปี 1965 นั่นเป็นครั้งแรกที่บ็อบดีแลนเล่นกีต้าร์ไฟฟ้าออกคอนเสิร์ต โดยหยิบเอาเพลง “The House of Rising Sun” มาเล่นในแบบฉบับของ The Animals...

กระแส Beatlemania เอาไม่อยู่

ในช่วงกระแส Beatlemania มาแรงในอเมริกา ซึ่งเริ่มนับตั้งแต่ The Beatles บุกอเมริกาในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1964 พวกเขาก็เข้ายึดครองตารางเพลงอันดับ 1 ในอเมริกาได้ยาวนานจนถึงเดือนมิถุนายน อีกทั้งยังสร้างกระแส British Invasion (กระแสที่วงต่างๆจากเกาะอังกฤษเดินขบวนพาเหรดเข้าสู่ความนิยมในอเมริกา) บนแผ่นดินอเมริกาอีกด้วย

Peter & Gordon เป็นดูโอคู่แรกจากยุค "British Invasion" ที่สามารถนำเพลง “A World Without Love” ขึ้นสู่อันดับ 1 แทนที่วง The Beatlesได้สำเร็จ แต่นั่นก็ยังเป็นผลงานของ John Lennon กับ Paul McCartney อยู่ดี

สำหรับวงแรกที่มีเพลงอันดับ 1 แทนที่ The Beatles บนบิลบอร์ด Top Single Hot 100 ได้ต้องยกให้วง The Animals กับเพลง“The House of the Rising Sun” นั่นคือวันนี้ (5 September)ในปี 1964 ซึ่งพวกเขายังได้รับโทรเลขแสดงความยินดีจาก The Beatles อีกด้วย ซึ่งในนั้นเขียนว่า 'Congratulations from The Beatles'

หลังจากผลงานเพลง “The House of the Rising Sun”แล้ว The Animals ยังมีเพลงที่อยู่ในระดับ Top 40 อีก 13 เพลง ทำให้ The Animals กลายเป็นวงที่ประสบความสำเร็จมากวงหนึ่งในยุค British Invasion แต่พอถึงปี 1968 พวกเขาก็ต้องแยกย้ายกันไปคนละทางเนื่องจากความไม่ลงตัวในธุรกิจ และอีกทั้งแนวเพลงที่หลากหลายมากเกินไป....วันนี้ในอดีต

วี welove / 5 September 2023
 

ติดตามทางเพจ Facebook

ติดตามทาง Line

ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.info

    11