วี welove
18 ส.ค. 20231 นาที
อัพเดตเมื่อ: ม.ค. 20
เพลง'The End' เพลงปิดท้ายของอัลบั้ม "Abbey Road" อัลบั้มสุดท้ายที่บันทึกกันวันสุดท้ายในวันนี้(18 สิงหาคม)ในปี 1969..เพลงซึ่ง Paul เป็นคนแต่ง
สำหรับเพลงนี้จะมีการโซโลกีต้าร์ประชันกันของทั้ง 3 Beatles ความยาว 36 วิ รวมถึงเป็นเพลงเดียวของ The Beatles ที่ริงโก้โซโลกลองเดี่ยว..จะเป็นอย่างไรนั้น เข้าไปอ่านเรื่องราว..วันนี้ในอดีตกันต่อเลยครับ
"And in the end the love you take is equal to the love you make" (เมื่อถึงจุดสิ้นสุด ความรักที่เธอได้มา จะเท่ากับความรักที่เธอสร้างขึ้น)
เนื้อร้องท่อนสุดท้ายก่อนจบเพลงนี้ และประโยคสุดท้ายของอัลบั้ม Abbey Road เป็นประโยคที่สวยงามทั้งความหมายและการเรียงถ้อยคำ น่าจะเป็นหนึ่งในวลีเด็ดในเพลงของ The Beatles ที่ถูกพูดถึงและนำไปพูดต่อๆกันมากที่สุด
สิ่งที่น่าสนใจและน่าพูดถึงของเพลงนี้อีกอย่างคือ เป็นเพลงเดียวของ The Beatles ที่ทั้งจอห์น พอล และจอร์จ ต่างแลกโซโลกีต้าร์กันอย่างสนุก ถ้าตั้งใจฟังจะรู้ว่าช่วงโซโล สำเนียงกีต้าร์จะเปลี่ยนไป จากคนหนึ่งไปสู่อีกคน ไม่มีเพลงไหนของพวกเขาที่จะทำอะไรกันแบบนี้..
Geoff Emerick เอนจิเนียร์ของอัลบั้ม Abbey Road เล่าให้ฟังว่า
“ตอนแรกตั้งใจให้จอร์จโซโลคนเดียว แต่จอห์นแนะนำว่า น่าจะโชว์กันคนละนิดคนละหน่อย ช่วงโซโลของเพลงนี้จึงยาวถึง 53 วินาที ความรู้สึกนี้เหมือนพวกเขากลับไปสู่ในวัยเด็กอีกครั้ง เล่นด้วยกันอย่างสนุกสนาน เหมือนไม่มีความขัดแย้งในใจ ไม่มีความเครียด นั่นคือสิ่งที่ผมเห็น”
ส่วนใครขึ้นโซโลก่อนใครนั้น Geoff Emerick เป็นคนนำมาเฉลย
“มีการจัดคิวดังนี้ พอล จอร์จ จอห์น เพราะพอลขอโซโลก่อนคนแรก ส่วนจอห์นขอเป็นคนสุดท้าย”
จากคลิปนี้เราจะได้ฟังเสียงโซโลกีต้าร์ โดยลำดับการเล่นดังนี้ 0:01 PAUL, 0:04 GEORGE, 0:09 JOHN, 0:12 PAUL, 0:16 GEORGE, 0:19 JOHN, 0:24 PAUL, 0:28 GEORGE, 0:31 JOHN.
นอกจากจอห์น พอล จอร์จ จะแลกโซโลกีต้าร์กันในเพลงนี้ ยังมีเซอร์ไพรซ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับริงโก้ กล่าวคือ ริงโก้โชว์โซโลกลองเดี่ยวแบบที่ไม่คิดว่าจะได้ฟังจาก The Beatles เพราะริงโก้ไม่ชอบโชว์เดี่ยว จึงปฏิเสธไปในตอนแรก
แต่พอลให้เหตุผลว่าการโซโลกลองในเพลงนี้ จะเป็นการส่งต่อท่อนเพลงไปสู่อีกท่อนได้อย่างต่อเนื่องไม่สะดุด ริงโก้จึงจำยอมต้องทำตาม แต่เพื่อไม่ให้รู้สึกว่ากำลังโชว์เดี่ยว เพื่อนๆจึงเล่นกีต้าร์ และเคาะแทมมารีนตามไปด้วย แต่สุดท้ายก็ตัดเสียงเหล่านี้ออกหมด ให้เหลือแต่เสียงกลองอย่างเดียว โดยมีไมโครโฟนวางอยู่รอบกลองทั้งหมด 12 ตัว
ริงโก้เล่าว่า ถ้าจะให้ตีกลองโซโลอีกรอบ รับรองว่าจะได้อารมณ์ที่ไม่เหมือนเดิม อย่างไรก็ตามเขาได้ไอเดียรูปแบบการโซโลกลองเพลงนี้ จากเพลง "In-A-Gadda-Da-Vida" ของวง Iron Butterfly ลองกดคลิกนี้เพื่อฟังตั้งแต่นาทีที่ 6.30
รายละเอียดย่อๆในการบันทึกเพลงนี้..เริ่มทำมาสเตอร์เทคความยาว 1.30 นาทีในวันที่ 23 ก.ค. ต่อมาเพิ่มความยาวเพลงขึ้นเป็น 2.05 นาที ตั้งชื่อเพลงว่า “Ending” สื่อความหมายเพลงสุดท้ายของ The Beatles ที่ทั้ง 4 คนบันทึกเสียงด้วยกัน
วันที่ 5 ส.ค. ใส่เสียงร้องเข้าไปเป็นวันแรก แล้วใส่เสียงร้องกับเสียงกีต้าร์เพิ่มเข้าไปอีกในวันที่ 7 ส.ค. วันถัดมาในวันที่พวกเขาลงมาถ่ายทำปกอัลบั้มAbbey Road ได้เพิ่มเสียงเบส และกลองเข้าไป และในวันที่ 15 ส.ค.เพิ่มเสียงดนตรีออเคสตร้าเข้าไป แล้วมาปิดท้ายด้วยเสียงเปียโน กับเสียงร้องของทุกคน(ครบ 4 คน)ในวันที่ 18 ส.ค. วันนี้ในอดีต....ก่อนที่จะปิดม่านการทำอัลบั้มชุดนี้ในวันที่ 29 ส.ค.ปี 1969
เพลงนี้มีคำว่า “Love You”ถึง 24 ครั้ง และใช้ดนตรีออเคสตร้าถึง 30 ชิ้น ผมลองย้อนกลับไปฟังใหม่ตอนท้าย....หูเราแทบจะแยกไม่ออกเลยจริงๆว่าใช้ดนตรีมากมายขนาดนั้น..
ส่วนเพลงสุดท้ายที่พวกเขาบันทึกเสียงกันก่อนวงแตก คือเพลง I Me Mine แต่ตอนนั้นไม่ครบ 4 คน (ตอนนั้นจอห์นหนีเที่ยวช่วงเดือนกันยายนปี 1969) เพลงนี้ปรากฏใน อัลบั้ม Let It Be
วี welove / 18 Aug 20 (edit 2021/ 2022)
ติดตามทางเพจ Facebook
ติดตามทาง Line
ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.info