วี welove

6 พ.ค. 20232 นาที

"Some Might Say" เพลงอันดับ 1 เพลงแรกของ Oasis เกิดขึ้นในวันนี้ปี 1995

อัพเดตเมื่อ: 22 มิ.ย. 2023

วันนี้ในอดีต

วันนี้ (6 พฤษภาคม)ในปี 1995 (พ.ศ. 2538) Oasis มีเพลงอันดับ 1 เพลงแรกในอังกฤษกับเพลง “Some Might Say” จากอัลบั้มชุดที่ 2 '(What's the Story) Morning Glory?' และเป็นเพลงสุดท้ายที่มือกลอง “Tony McCarroll” หนึ่งในผู้ก่อตั้งวงมีส่วนร่วมในเพลง....ก่อนจะถูกเชิญออก

เราไปอ่านเรื่องราวของเพลงนี้กัน ทั้งการทำเพลง การออกแบบปกซิงเกิ้ล พร้อมความหมายของทั้ง 2 เรื่องราวนี้..แล้วคุณจะรักเพลงนี้มากยิ่งขึ้น เพลงที่คนรุ่นเก่ายังฟังได้แบบเนียนๆ ใครไม่เคยฟังหรือไม่รู้จัก ผมอยากแนะนำให้ลองเปิดฟังดู คุณอาจจะอยากรู้จักวง Oasis มากขึ้นก็เป็นได้

ความหมายลึกซึ้งของเพลง

Noel Gallagher มือลีดกีต้าร์วง Oasis เล่าว่าเขาเขียนเพลงนี้โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเพลงของวง The Small Faces กับวง T - Rex เป็นเพลงแรกที่เขาแต่งหลังจากที่ย้ายจากเมืองแมนเชสเตอร์มาอยู่ที่กรุงลอนดอน

“Some Might Say” เป็นเพลงที่สื่อถึงจิตวิญญาณของวันนั้นว่าบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น “Some Might Say we will find a brighter day" (บางคนอาจบอกว่าเราจะได้เจอวันที่สดใสกว่านี้) และก็ไม่น่าแปลกใจ..เมื่อพวกเขามีวันที่สดใสมากกว่าเดิม เมื่อเพลงนี้ขึ้นอันดับ 1 และเป็นเพลงอันดับ 1 เพลงแรกของพวกเขาในอังกฤษ..วันนี้ในปี 1995

Noel Gallagher พูดถึงเรื่องราวของเพลงไว้อย่างนี้

"Some of them are about homeless people, and people who can't always get what they want, and how people who can get what they want always seems bemoaning more than people can't."

“ความหมายเนื้อเพลงค่อนข้างลึก เนื้อหาบางส่วนพูดถึงคนไร้บ้าน คนที่มักจะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ และคนที่ได้ในสิ่งที่ต้องการมักจะคร่ำครวญมากกว่าคนที่ไม่ได้" - Noel Gallagher

ในท่อนฮุค Noel อยากให้ความหมายของเพลงลึกและเต็มไปด้วยความหมาย แต่สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้และฉุกคิดขึ้นมาว่า บางทีตัวเขาก็ทำตัวโง่ๆอะไรแบบนั้นเหมือนกัน

ต้องมีหนึ่งเดียว

Noel Gallagher มั่นใจมากกว่าเพลงนี้ต้องขึ้นถึงอันดับ 1 เขาจึงเลือกเพลง "Some Might Say" เป็นซิงเกิ้ล แต่ Alan McGee นายใหญ่ค่ายเพลง Creation Records ไม่คิดเช่นนั้น เขาต้องการให้เพลง "Acquiesce" กับเพลง "Some Might Say" เป็นซิงเกิ้ลเพลงคู่อยู่หน้า A เพราะเพลง "Acquiesce" ได้รับเสียงตอบรับดีมากตอนแนะนำเพลงใหม่บนเวทีคอนเสิร์ตของ Oasis

Noel Gallagher เล่าว่า Alan McGee เป็นคนเก่ง แต่เขาฟังไม่ออกเลยว่าเพลงนี้จะเป็นเพลงฮิตอันดับ 1 ต่างกับตัวเองที่สุดมั่นใจ แค่ตอนเขียนเพลง เขาก็รู้เลยว่า เพลงนี้ต้องขึ้นถึงอันดับ 1 อย่างแน่นอน สุดท้ายเพลง "Acquiesce" ได้แค่เป็นหน้า B ของซิงเกิ้ล "Some Might Say"

"As soon as I'd written 'Some Might Say' I was certain it would be a #1 and I was right. I never had even the slightest doubt. - Noel Gallagher

เลยตามเลย กลายเป็นดี

Owen Morris โปรดิวเซอร์อัลบั้ม '(What's the Story) Morning Glory?' เล่าให้ฟังว่าพวกเขาทำเดโมเพลงนี้ที่ Maison Rouge ในฝรั่งเศส 6 เดือนก่อนหน้านั้น เสียงเพลงฟังดูช้าชวนหดหู่แต่เท่ในแบบฉบับของ The Rolling Stones

หลังจากนั้นก็เอากลับมาทำต่ออีกหลายเวอร์ชั่นที่ Loco studios เวลล์ เพราะช่วงเวลานั้น Owen Morris กำลังทำงานให้กับอัลบั้ม A Northern Soul ของ The Verve ดังนั้น Noel จึงใช้อุปกรณ์เดียวกันกับวง The Verse โดยเขาเล่นทั้งกีต้าร์ เบสและกลอง ซึ่งจังหวะจะเร็วขึ้นเล็กน้อย แล้วเอาส่วนที่ดีที่สุดมาแก้ไขเข้าด้วยกัน

แล้วกลางดึกคืนนั้น Noel ก็ปลุกทุกคนให้เข้ามาที่ห้องอัดเพื่อบันทึกเพลงนี้กัน โดยเปิดให้ทุกคนฟังเดโมเพลงนี้ แล้วบันทึกจบกันในเทคเดียว อย่างที่โปรดิวเซอร์เล่าว่า

"We do one take and decide we're all f--king geniuses and that we've definitely nailed it." - Owen Morris

พอเช้าอีกวัน Liam น้องชายของ Noel มาบอกโปรดิวเซอร์ว่าอยากร้องนำเพลงนี้ จึงบันทึกไว้ 2 เทค แต่แบ็คกิ้งแทร็กเร็วกว่าที่ตั้งไว้เนื่องจากเมื่อคืน Noel กับโปรดิวเซอร์คงเมากัน จึงไม่ทันสังเกตุฟัง แต่กลายเป็นดีเพราะทำให้การร้องของ Liam ฟังดูยอดเยี่ยมอย่างเหลือเชื่อ (คลิกฟัง)

Liam and Noel Gallagher in 1998 CREDIT: PA

ยังไงก็ชอบแบบเดิม

สรุปงานเพลงชุดนี้ ไม่ได้ใช้เวอร์ชั่นเดโมมาทำต่อให้เสร็จสมบูรณ์ แต่เป็นการทำใหม่ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม Noel Gallagher ซึ่งเป็นคนเขียนเพลง เล่นทั้งกลอง เบส กีต้าร์ และร้องเองทั้งหมดในเวอร์ชั่นเดโม เคยออกมาให้สัมภาษณ์หลังจากนั้นหลายปีว่า ไม่ชอบเวอร์ชั่นที่อยู่ในอัลบั้มซึ่งฟังดูเป็น “Britpop” มากไป เขาชอบอารมณ์ของเพลงที่เป็นเดโมมากกว่า

การออกแบบปกซิงเกิ้ล

สำหรับการออกแบบปกซิงเกิ้ลเพลง “Some Might Say” ช่างภาพ Brian Cannon เล่าให้ฟังว่า Noel ต้องการให้เนื้อร้องถูกถ่ายทอดด้วยภาพบนปก

อันดับแรกที่ต้องทำคือ หาสถานีรถไฟร้างเพื่อตอบโจทย์เนื้อร้องที่มีคำว่า ‘Standing at the station’ ‘In need of education’ ‘In the rain’ ‘The sink is full of fishes’ ‘She's got dirty dishes on her brain’ และ ‘And my dog's been itchin’ แล้วหาคนมาสื่อความหมายประโยคเหล่านี้บนปกภาพ

Brian Cannon เรียกใช้เพื่อน พ่อแม่ และเพื่อนที่ทำงานในบาร์มาช่วยงานตรงส่วนนี้ รวมถึง 2 พี่น้องตระกูล Gallagher มาอยู่บนปกด้วย (Liam ยืนอยู่บนสะพานสื่อความหมาย ‘Standing at the station’ ส่วน Noel เทน้ำสื่อความหมาย ‘In the rain') แต่ละคนสื่อความหมายอะไรนั้น ให้ดูภาพประกอบคำอธิบายด้านบน

อย่างที่ผมได้เกริ่นไว้ในตอนต้น เพลงนี้เป็นเพลงสุดท้ายที่ผู้ร่วมก่อตั้งอีกคนอย่าง Tony McCarroll ได้ร่วมบันทึกเสียงด้วย เขาถูกเชิญให้ออกจากวงก่อนจะเริ่มทำอัลบั้มนี้ (What's the Story) Morning Glory? ) เพราะมีปัญหากับ 2 พี่น้อง ”Gallagher” และนำไปสู่การฟ้องร้องในที่สุด สุดท้าย Tony McCarroll เป็นฝ่ายชนะคดีกับการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ผู้ที่มารับหน้าที่มือกลองแทนคือ Alan White

วี welove / 6 May 20 (updated 2023)
 

ติดตามทางเพจ Facebook

ติดตามทาง Line

ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.info

    30