วี welove
21 ต.ค. 20232 นาที
อัพเดตเมื่อ: ม.ค. 20
Rock 'n' Roll (1975) : อัลบั้มสุดท้ายก่อนที่ John Lennon จะทิ้งวงการเพลงไปเลี้ยงลูก"Sean Lennon" แม้ความจริงแล้วอัลบั้มชุดนี้ทำขึ้นมาก่อนอัลบั้ม Walls And Bridges (1974) เสียด้วยซ้ำ เหมือนจะซ้ำรอยกับอัลบั้ม Let It Be ที่ทำออกมาก่อนอัลบั้ม Abbey Road แต่กลายเป็นว่าอัลบั้ม let It Be กลายเป็นอัลบั้มสุดท้ายของ The Beatles ซะงั้น
จอห์นเล่าให้ฟังว่า ทุกครั้งที่เขาวอร์มอัพก่อนจะเล่นจริงไม่ว่าจะเป็นช่วงที่อยู่กับวง The Beatles หรือก่อนหน้านั้น เขามักจะหยิบเพลงยุคเก่าๆ เพลงสมัยที่เขากำลังเป็นวัยรุ่นมาเล่นเพื่อให้คุ้นเคยกับห้องสตูดิโอ หรือในกรณีที่รู้สึกตึงเครียดระหว่างการทำอัลบั้ม เมื่อได้เล่นเพลงเหล่านี้คั่นกลางก็จะรู้สึกดีขึ้น
อัลบั้มยุคแรกๆของ The Beatles เป็นตัวอย่างที่ดีมาก กล่าวคือเวลาที่พวกเขามีเพลงในมือไม่มากพอ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น พวกเขาจึงเลือกเพลงเก่าของศิลปินอื่นมาบันทึกเพื่อปิดอัลบั้ม เนื่องจากพวกเขาคุ้นเคยและเคยเล่นเป็นประจำตอนสมัยก่อนดัง แม้ว่าใจจริงแล้วจอห์นไม่ชอบไอเดียนี้เลยเพราะเขาคิดว่าเพลงต้นฉบับทำออกมาได้ดีอยู่แล้ว
หลังจากที่เพิ่งเสร็จจากการทำอัลบั้ม Mind Games อัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 4 ได้ไม่นาน John Lennon สนใจอยากทำอัลบั้มชุดใหม่ทันที แม้จะไม่มีเพลงที่แต่งใหม่อยู่ในมือก็ตามที เพราะคราวนี้เขาต้องการทำเพื่อสนุก โดยจะเอาเพลงของศิลปินอื่นๆที่เขาชื่นชอบมาทำใหม่
จอห์นต้องการร้องเพลงอย่างเดียว และจะไม่เป็นโปรดิวเซอร์เหมือนอัลบั้มก่อนหน้านี้ที่เขาทำอยู่คนเดียว ครั้งนี้เขาจึงติดต่อ Phil Spector กลับมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้เขาอีกครั้ง หลังจากที่เคยทำให้จอห์นตั้งแต่ชุดแรกจนถึงชุดที่ 3 แต่ครั้งนี้จอห์นตัดสินใจผิดมหันต์! แทนที่จะทำอัลบั้มนี้แบบชิลๆ จอห์นต้องวิ่งวุ่นจนแทบบ้า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ไปหาคำตอบกันเลยครับ
เรื่องราวดราม่านี้เกิดขึ้นระหว่างการทำอัลบั้มชุดนี้ ซึ่งบันทึกเสียงกันที่ A&M Studios ในเดือนตุลาคมปี 1973 โดย Phil Spector โปรดิวเซอร์เรียกใช้นักดนตรีหมุนเวียนมากถึง 28 คนกับจำนวนเพลง 8 เพลงซึ่งถือว่าผิดปกติ และเมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย จู่ๆ Phil Spector ก็หายตัวไปแบบไร้ร่องรอย ท่ามกลางข่าวอุบัติเหตุร้ายแรงทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นกับเขา ซึ่งมีคนเดียวที่รู้ก็คือตัว Phil Spector เอง
ปัญหาก็คือ Phil Spector ไม่ได้หายไปตัวเปล่า แต่หยิบเทปเพลงต้นฉบับ (master tape) ที่ทำเสร็จเรียบร้อยติดมือไปด้วย กว่าจะได้กลับคืนมา เล่นเอาจอห์นแทบบ้า เพราะใช้เวลาเป็นปีในการตามหา
จอห์นต้องตะลอนทั่วแอลเอ และเมื่อคิดไม่ออกว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป ก็ใช้เวลาทำอัลบั้มให้กับ Harry Nilsson เพื่อฆ่าเวลาในระหว่างนั้น อย่างไรก็ตามเมื่อจอห์นตามเทปจนเจอ เขาก็ยังไม่สามารถทำอะไรต่อได้ เนื่องจากมีโปรเจ็คอัลบั้ม Walls And Bridges รอทำอยู่
เรื่องที่น่าเจ็บใจอีกอย่างก็คือ จอห์นถูกฟิลขูดรีดขอค่าส่วนแบ่งในส่วนของโปรดิวเซอร์มากมายเกินจริง ซึ่งจอห์นไม่มีอะไรจะเสียจึงต้องยอม แต่มาเสียรู้เมื่อนำเทปมาเปิดทั้ง 8 ม้วน สุดท้ายใช้จริงได้เพียงแค่ 4 เพลงซึ่งมีเพลง "Stand By Me" กับเพลง "Be-Bob-A-Lula" หนึ่งในเพลงโปรดของจอห์นตลอดกาล
ส่วนอีก 4 เพลงฟังแทบไม่ได้ เพราะใช้นักดนตรีมากเกินไป ฟังแทบไม่รู้เรื่องแม้จะเป็นเพลงแนวร็อคแอนด์โรลก็ตาม จอห์นต้องกลับไปทำใหม่เพิ่มอีก 10 เพลงโดยโปรดิวซ์เองทั้งหมด ใช้เวลาบันทึกเพียงแค่ 3 วันของเดือนตุลาคมปี 1974 และมิกซ์เสียงอีก 4-5 วัน
สิ่งที่จอห์นกังวลก็คือ เพลงทั้ง 10 เพลงที่เขาทำเอง ซาวด์จะต่างไปจากเพลงในส่วนของ Phil Spector มากหรือไม่ เพราะนักดนตรีจาก 28 คนลดลงมาเหลือแค่ 8 คน แต่เป็นนักดนตรีชุดใหม่ที่จอห์นดึงมาจากทีมที่เล่นให้เขาในอัลบั้ม Walls And Bridges แต่ดีที่ทุกอย่างไปได้ดี ฟังกลมกลืนทั้งอัลบั้ม..
ปกอัลบั้ม Rock 'n' Roll ใช้รูปถ่ายสมัยที่ The Beatles เล่นประจำอยู่ที่ Star Club เมืองแฮมเบิร์ก เยอรมันช่วงปี 1960 โดยมี John Lennon ยืนอยู่หน้าทางเข้าของอาคารซึ่งตั้งอยู่ที่ "22 Wohlwill Street" เมืองแฮมเบิร์ก เขายืนเด่นอยู่ตรงกลางปก เราจะเห็นภาพเบลอๆของ 3 หนุ่มเดินผ่านอยู่ด้านหน้า จากซ้ายไปขวาคือ George Harrison, Stu Sutcliffle และ Paul McCartney
ที่มาของการเลือกรูปนี้มาจากการที่ May Pang เพื่อนสาวของจอห์นช่วง "Lost Weekend" ได้ไปงานแสดงผลงานภาพถ่าย "Beatlefest" เมื่อเดือนกันยายน ปี 1974 ตามคำขอของจอห์น ซึ่งในงานนี้เธอได้พบ Jürgen Vollmer เพื่อนเก่าของจอห์นจากเมืองแฮมเบิร์ก เยอรมัน ซึ่งเคยถ่ายภาพของ The Beatles ก่อนที่จะโด่งดังไว้หลายภาพ เมื่อเมย์แปงแจ้งให้จอห์นทราบ ทั้งคู่จึงนัดเจอกันที่กรุงนิวยอร์ค และจอห์นได้เห็นภาพถ่ายเก่ามากมายจากเพื่อนคนนี้ และหนึ่งในนั้นก็คือภาพที่ถูกเลือกทำปกอัลบั้ม Rock 'n' Roll
แต่เดิมชื่อโปรเจ็คสำหรับอัลบั้มชุดนี้ใช้ชื่อว่า "Oldies But Mouldies" แต่ก็ยังไม่มีการยืนยันใช้ชื่อนี้เป็นชื่ออัลบั้มอย่างเป็นทางการ จนกระทั้งวันหนึ่งจอห์นได้เห็นภาพป้ายนีออนที่มีชื่อเขาและลงมามีคำว่า "Rock 'n' Roll" ซึ่งเป็นฝีมือการออกแบบของ John Uomoto จอห์นรู้สึกดีกับป้ายที่เห็น จึงขอนำมาใช้เป็นชื่อปกอัลบั้ม
เพลงที่เลือกส่วนมากจะเป็นเพลงที่จอห์นโปรดสมัยเป็นวัยรุ่นอย่างเพลง Be-Bop-A-Lula ที่จอห์นเล่นบนเวทีตอนอายุ 15 ปี เพลง Bony Moronie เป็นอีกเพลง แต่ก็ยังมีหลายเพลงที่เขาอยากนำมาทำใหม่ รวมถึง 1 เพลงในยุคแรกของ Jerry Lee Lewis แต่ทำไม่สำเร็จเนื่องจากทำออกมาแล้วไม่ดีพอ ส่วนเพลงของ Elvis ในยุคแรกที่สร้างความประทับใจให้กับเขา กลับไม่มีอยู่ในลิสต์ที่เขาอยากเอากลับมาทำใหม่
สรุปแล้วมีหลายเพลงมากที่จอห์นอยากนำมาทำใหม่ เขาจึงอัดแน่นถึง 14 เพลงในอัลบั้มชุดนี้ แม้ว่าจะมีเพลงอีกมากมายให้เลือก โดยสามารถทำออกมาเป็นอัลบั้มคู่ได้ แต่จอห์นมองว่าสำหรับนักร้องคนเดียวแล้ว มันมากเกินไปที่จะทำเป็นอัลบั้มคู่ แม้ว่าคนฟังจะชอบก็ตามที
มีเรื่องน่าสนใจในอัลบั้มนี้อย่างหนึ่งคือ John ต้องยอมติดต่อกับ Paul McCartney และ Allan Klein อดีตผู้จัดการวง The Beatles ซึ่งต่างมีปัญหากับจอห์น เนื่องจากเพลง Peggy Sue พอลเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ผลงานเพลงของ Buddy Holly ส่วนเพลง "Bring It On Home To Me" นั้น Allan Klein เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ผลงานเพลงของ Sam Cooke และจอห์นออกมายอมรับโดยตรงว่า เขาไม่ค่อยได้เงินมากนักจากอัลบั้มชุดนี้
จริงๆแล้ว ยังมีประเด็นอีกมากมายเกี่ยวกับเรื่องราวของ John Lennon กับคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับอัลบั้มชุดนี้ในช่วงเวลานั้น ไว้มีเวลาจะเอามาเล่าสู่กันฟังเป็นเรื่องๆไป ขอให้มีความสุขครับ
วี welove / 21 Oct 2023
ติดตามทางเพจ Facebook
ติดตามทาง Line
ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.info