John Deacon กับเบื้องหลังเพลง You're My Best Friend อันน่าทึ่ง

ในปี 1975 กระแสความนิยมของ Queen ขึ้นสูงสุดกับเพลง Bohemian Rhapsody จากอัลบั้มชุดที่ 4 "A Night At The Opera" ปัญหาจึงมาตกที่ซิงเกิ้ลต่อไปของวงว่าจะเป็นเพลงอะไร เพลง I'm In Love With My Car ที่แต่งโดย Roger Taylor เหมือนจะถูกเลือก....แต่กลับกลายเป็นเพลงแรกที่ John Deacon แต่งให้กับควีนนับตั้งแต่ทำวงมา 5 ปี เพลง You're My Best Friend เพลงอันดับ 7 ในอังกฤษวันนี้ในปี 1976 และขายได้มากกว่า 1 ล้านชุดในอเมริกาขึ้นสูงสุดที่อันดับ 16 เราไปดูเบื้องหลังของเพลงนี้กัน

โดยทั่วไป John Deacon จะเขียนเพลงน้อยกว่าสมาชิกคนอื่นในวง แต่เมื่อไรที่เขาเขียน เพื่อนๆจะรู้เลยว่าต้องมีอะไรพิเศษแน่นอน ปกติเขาจะเข้ากับ Freddie Mercury ได้ดีกว่าใครเพื่อน โดยเฉพาะเรื่องสไตล์เพลงที่ชอบ แต่สำหรับเพลงนี้ "You're My Best Friend" กลับดูเหมือนจะมีความเห็นด้านดนตรีต่างกัน

เริ่มแรกจอห์นอยากให้ใช้เปียโนไฟฟ้า "Wurlitzer EP-200" ในเพลงนี้ แต่เฟรดดี้ไม่ยอมเล่นให้ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับเครื่องดนตรีเล็กชิ้นนี้ จอห์นเลยหิ้วเปียโนไฟฟ้ากลับมาบ้านเพื่อหัดเล่นเอง เขาจึงสามารถเขียนเพลงต่อได้สมใจตามที่ตั้งใจไว้ เขารู้สึกว่าเสียงเปียโนที่ได้เข้ากันได้ดีกับเพลงนี้มาก

"Well, Freddie didn't like the electric piano, so I took it home and I started to learn on the electric piano and basically that's the song that came out you know when I was learning to play piano." - John Deacon

"Freddie ไม่ชอบเปียโนไฟฟ้า ผมเลยหิ้วกลับมาที่บ้านแล้วเริ่มฝึกเล่นเปียโนไฟฟ้า จริงๆแล้วเพลงนี้ก็มาจากตอนที่ผมศึกษาการเล่นเปียโนนี้แหละ" - John Deacon

ในการบันทึกเสียงจริงจอห์นเล่นเปียโนไฟฟ้า แต่ในวิดีโอเราจะเห็นจอห์นเล่นแกรนด์เปียโนซึ่งเป็นตัวที่เฟรดดี้อยากให้ใช้ และในการแสดงสดบนเวทีเฟรดดี้ที่นั่งประจำตำแหน่งคีย์บอร์ด เขาก็ยืนยันว่าจะไม่เล่นเปียโนไฟฟ้าให้ในเพลงนี้ เฟรดดี้ให้เหตุผลว่า:-

"I refused to play that damn thing, It's tiny and horrible and I don't like them. Why play those when you have a lovely superb piano." - Freddie Mercury

"ผมจะไม่เล่นไอ้ตัวเล็กน่าขนลุกตัวนี้ ผมไม่ชอบมัน ทำไมต้องเล่นมันด้วย ทั้งที่เรามีเปียโนตัวโอ่อ่าสวยงามรออยู่" - Freddie Mercury

ในปี 2019 Roger Taylor มือกลองให้ความเห็นเกี่ยวกับเพลง You're My Best Friend:-

"ผมไม่มีปัญหากับเพลงนี้ มันเป็นเพลงรักแรก ไม่จริงจังอะไร แต่มันก็เป็นเพลงฮิตได้อย่างสบาย และเช่นเดียวกันกับเพลง "Another One Bites The Dust" ของจอห์น เพียงแต่เพลงนี้ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นเพลงฮิต"

ส่วน Brian May พูดถึง John Deacon ว่า:-

"จอห์นไม่ค่อยได้แต่งเพลง แต่เพลงที่เขาแต่งมักจะดังมาก อย่างเพลง Another One Bites the Dust และ I Want To Break Free ส่วนเพลง You're My Best Friend จะได้รับความนิยมทางวิทยุมากในอเมริกา จอห์นเหมือนม้ามืด เป็นคนไม่ค่อยพูด จนเราต้องถามเขาว่า'มีอะไรจะบอกไหม' แล้วเขาก็จะบอกทุกอย่างที่เขาเขียนเพลงนั้น"

จอห์นแต่งเพลงนี้ให้กับภรรยา "Veronica Tetzlaff" ที่เพิ่งแต่งงานกันตอนต้นปี 1975 จอห์นไม่อายที่จะบอกเธอว่า "You make me live" และ "You're all I see". ( "เธอทำให้ผมมีชีวิตอยู่" และ "คุณคือทุกอย่างที่ผมเห็น") ด้วยพลังแห่งความรักที่มีต่อเธอ จอห์นจึงคิดอยากซื้อบ้านให้เธอ เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์และมีความสุข

เฟรดดี้เล่าให้ฟังว่า:-

"พวกเรามีอัลบั้มที่ขายดี แต่พวกเราก็ยังคงอยู่ในแฟลตโทรมๆ ห้องใต้ถุนตึกเช่าสัปดาห์ละ 50 ปอนด์"

ความตั้งใจครั้งนี้ของจอห์นจึงเป็นจุดเปลี่ยนทำให้ Queen กลับมาทบทวนสัญญาที่ทำก่อนหน้านี้อีกครั้ง เพราะจอห์นต้องการเงินล่วงหน้าเพื่อซื้อบ้านแต่กลับถูกปฏิเสธ เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่ Queen จะปล่อยอัลบั้ม "A Night At The Opera" (21 พ.ย. 1975) ออกมา

ในที่สุด John Deacon จึงกลายเป็นผู้ดูแลการเงินและที่ปรึกษาทางธุรกิจหลักให้กับวงในเวลาต่อมา แม้ว่า John Reid จะมาเป็นผู้จัดการวงคนใหม่ก็ตาม เฟรดดี้เล่าว่า:-

"John Deacon คอยดูแลธุรกิจของเราทั้งหมดอย่างใกล้ชิด เขารู้ทุกอย่างอะไรที่ควรและอะไรที่ไม่ควร ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นพวกเราจะไม่ทำอะไรทั้งสิ้น จนกว่าจอห์นจะบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อย"

หลังจากที่ Queen ตัดสินใจเลือกเพลง You're My Best Friend เป็นซิงเกิ้ลถัดไปต่อจากเพลง Bohemian Rhapsody ทางวงก็เตรียมถ่ายทำวิดีโอเพื่อโปรโมท

พวกเขาใช้ผู้กำกับ "Bruce Gowers" คนเดียวกับที่ทำมิวสิควิดีโอเพลง Bohemian Rhapsody และครั้งนี้ไปถ่ายทำกันในบริเวณยุ้งข้าวใกล้ๆฟาร์มหมู แต่เนื่องใช้แสงสว่างจากเทียนประกอบฉากหลายร้อยเล่ม การถ่ายทำจึงร้อน และมีฝูงแมลงมารบกวนตลอดการถ่ายทำ

ว่ากันว่าเพลงนี้กลายเป็นพยานรักของ John Deacon และ Veronica Tetzlaff ทั้งคู่ยังครองรักกัน และอยู่บ้านหลังนั้นที่เขต Putney กรุงลอนดอนนับตั้งแต่ที่ซื้อมาในปี 1975 พร้อมกับลูกๆอีก 6 คนที่โตมาจากบ้านหลังนั้น John Deacon นับว่าศิลปินชื่อดังอีกคนที่เป็น Family Man ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และมีทรัพย์สินราว 6000 ล้านบาท....Happy Ending

***บทความเรื่องยาวลักษณะนี้ อีกไม่นานจะจัดให้อ่านเฉพาะสมาชิกในเพจ และเว็บไซต์เท่านั้น***

วี welove / 11 July 2023

ติดตามทางเพจ Facebook

ติดตามทาง Line

ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.info