วี welove

13 เม.ย. 20202 นาที

ครบ 50 ปี.....ที่โลกนี้ไม่มี "The Beatles"(ตอนจบ)

อัพเดตเมื่อ: 1 ก.ค. 2020

ทำไมThe Beatles ถึงยุบวง: เรื่องจริงสำหรับเบื้องหลังการยุบวงของวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา "Why The Beatles split: The true story behind the break-up of the biggest band ever"

เมื่อ George กับ Ringo ต้องเลือกฝ่าย "John"หรือ "Paul"

หลังจาก The Beatles เห็นชอบที่จะหาผู้มาดูแลบริษัทและเป็นผู้จัดการวง Paulจึงนำเสนอชื่อ "Lee Eastman" นักกฏหมายว่าที่พ่อตา(คุณพ่อของLinda Eastman) กับ John Eastman พี่ชายของLinda แต่Beatlesทั้งสามไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะจะทำให้Paulควบคุมดูแลทุกอย่างได้เบ็ดเสร็จ

ในขณะที่ JohnกับYokoเสนอ "Allen Klein" ผู้จัดการวงThe Rolling Stones

Allen Klein กับ John Lennon และ Yoko Ono

ซึ่งเก่งในการเจรจาต่อรองที่ยาก ทั้งๆที่ตัวของAllenยังอยู่ในระหว่างการถูกสอบสวนทางการเงิน ซึ่งMick Jaggerนักร้องนำวงThe Rolling StonesสะกิดPaulให้อยู่ห่างคนๆนี้ แต่ Johnกลับเสนอแต่งตั้งให้Allenเป็นตัวแทนดูแลการเงินให้กับบริษัทในการประชุมนัดแรก

ซึ่งท่าทีที่Allenจัดการกับกลุ่ม "Eastman" ได้ดีในที่ประชุม ทำให้George กับRingoเห็นชอบที่จะเลือกAllenมากกว่าทางกลุ่ม"Eastman" จึงทำให้ Allen Klein ได้รับเลือกมาดูแลบริษัทและเป็นผู้จัดการวง Paulยอมรับการตัดสินใจแต่ไม่ค่อยพอใจ

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ความเหินห่างระหว่าง JohnกับPaulยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ เมื่อถึงวันเซ็นสัญญา Paulกลับไม่ยอมเซ็นสัญญายอมรับAllen Kleinตามมติในที่ประชุม แต่ไม่มีผล เพราะมติส่วนใหญ่เห็นชอบ ภาพที่ Paul คิดจะลาออกจากวงThe Beatles จึงมีความเป็นไปได้...... ( ดูสีหน้าของPaul พร้อมชูนิ้วโป้งคว่ำลง ก็พอจะเข้าใจได้ )

โปรเจ็คซ่อนเร้น "Get back"

ความปรารถณาของPaulที่อยาก "กลับไปสู่จุดเดิม" (get back to where you once belonged) ไม่ใช่เฉพาะสำหรับ Jojo กับ Loretta Martinอย่างในเนื้อเพลง แต่กลายเป็นวาระซ่อนเร้นสำหรับโปรเจ็คใหม่อย่าง "Get Back" Paulอ้างว่า ต้องการให้ทุกคนย้อนกลับไปคิดถึงสมัยตอนเป็นเพื่อนกันที่ฮัมบูร์ก เยอรมัน อยากกลับไปเล่นเพลงแนวร็อคและบลูส์แบบดั้งเดิม แต่ความจริงแล้วเขาต้องการให้ The Beatlesกลับมาแสดงสดอีกครั้ง แต่ดูเหมือน John, George และRingoไม่ค่อยให้ความสนใจมากนัก

การถ่ายทำวันแรก มีขึ้นที่โรงถ่าย Twickenham soundstage ในกรุงลอนดอน เป็นช่วงฤดูหนาวของวันที่ 2 มกราคม กำหนดเวลาทำงานปกติ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น ซึ่งไม่ปกติสำหรับวงThe Beatles

ผู้ที่รับผิดชอบการถ่ายทำคือ Michael Lindsay-Hogg ผู้กำกับ

เป้าหมายมีไว้รอแตกหัก

ถึงตอนนี้ John, George และ Ringo ยังคงไม่เข้าใจแนวคิดทั้งหมดของPaulอยู่ดี Paulคอยกำกับการซ้อมเพลงเหมือนเป็นโปรเจ็คของตัวเองคนเดียว เขาถาม John, George, Ringoว่า "รู้ไหม..เรามาทำอะไรกันที่นี่" และพูดต่อเหมือนเป็นคำตอบกลายๆ "ผมมาที่นี่ เพราะต้องการมาแสดง ผมไม่เห็นใครสนใจจะเล่นด้วยเลย"

Paulต้องการทำให้โปรเจ็คนี้เป็นการแสดงสดของวง The Beatles หลังจากที่พวกเขาว่างเว้นมาถึง 3 ปี นับตั้งแต่ทัวร์ครั้งสุดท้ายที่อเมริกาในปี 1966

John และ Yoko ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก คำตอบที่ออกมาจึงไม่รู้ว่าทั้งคู่เข้าใจตามนั้นหรือไม่ เพราะทั้งคู่เสพเฮโรอีนมา แนวการสื่อสารจึงเป็นแบบไม่ใช้คำพูด หรือที่เรียกว่า “heightened awareness” (การรับรู้ที่สูงขึ้น) เช่นถ้าต้องการการตัดสินใจ Johnจะนิ่งเงียบแล้วให้ Yokoพูดแทน ซึ่งแน่นอนว่า เข้าใจกันอยู่สองคน ไม่สามารถสื่อให้ Paul และเพื่อนๆเข้าใจได้ แต่แท้จริงแล้ว John ไม่อยากพูดถึง เขาไม่เห็นด้วยแน่นอน

สำหรับ Georgeนั้น เมื่อรู้ว่าต้องกลับมาแสดงสด เพื่อเหตุผลสำหรับถ่ายทำภาพยนต์ เขาจึงรู้สึกอึดอัดใจพอสมควร ถ้ายังจำกันได้เขาเป็นคนขอให้ยุติการออกทัวร์คอนเสิร์ตหลังจากกลับมาจากอเมริกาในปี 1966 เรื่องนี้จึงนำไปสู่การเดินออกจากวงของ George ในเวลาต่อมา (คนที่ 2 ต่อจาก Ringo)

Georgeพยายามไม่ยืดเยื้อให้เสียเวลา บทเรียนจากงาน The White Album ยังหลอกหลอนเขาอยู่

ดังนั้นระหว่างที่กำลังบันทึกเสียงเพลง "I've Got A Feeling" Georgeจึงบอก Paulว่า "ผมจะเล่นก็ต่อเมื่อคุณอยากให้เล่น หรือจะไม่ให้เล่นเลยก็ได้ ถ้าไม่ต้องการให้เล่น

และอะไรก็ตามที่ทำให้คุณพอใจ ผมก็จะทำตามนั้น" พอลได้ฟัง คงพอจะเข้าใจดีว่า George หมายถึงอะไร...

(เราจะเห็นทั้งคู่มีปัญหากัน 24 ครั้งในภาพยนต์เรื่อง Let It Be และคลิปนี้จะเป็นเสียงของGeorgeพูดคุยกับPaulตามที่ได้เล่าให้ฟังข้างต้น)

อดกลั้นจาก Paul แต่มาลงที่ John

The White Album มีผลงานเพลงของ Georgeที่ยอดเยี่ยมอย่างเพลง “While My Guitar Gently Weeps” และ “Long, Long, Long” แต่เขากลับรู้สึกว่า Paul ยังมองเขาเป็นตัวประกอบ อีกทั้งตอนที่เขาซ้อมเพลง "I Me Mine" แทนที่ John จะมาใส่ใจงานของเขา กลับออกไปเต้น Waltz กับ Yokoหน้าตาเฉย (ชมคลิป) จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ George ฟิวส์ขาด และมอง Yoko ขวางหูขวางตาตั้งแต่นั้นมา

ในวันที่ 10 มกราคม ปี 1969 คือวันที่ George ลาออกจากวง เขาเดินออกจากโรงถ่ายทันทีหลังจากมีเรื่องชกต่อยกับ John แล้วบอกกับ John ว่าหาคนมาแทนเขาได้เลย John ตอบสวนกลับทันทีว่าจะเสนอชื่อ Eric Clapton หลังจากวันนั้น Georgeไม่เข้ามาโรงถ่ายอีกเลย....

แต่ข่าวนี้ถูกปิดเงียบสนิท (แต่ภายหลังเรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดย George Martin) รวมกับประเด็นที่ George ไม่พอใจ John เกี่ยวกับการให้ข่าวการล้มละลายของ Apple Corp. ความอดกลั้นของ George จึงสิ้นสุดลง

Beatles ต้องมี George เท่านั้น

จน 2 วันผ่านไป ความพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมให้ Georgeกลับมาจึงเริ่มขึ้นที่บ้านของRingo
 
แต่ไม่สำเร็จเพราะYokoออกมาแสดงความเห็นแทน Johnในที่ประชุม Georgeจึงลุกออกจากที่ประชุมทันที สุดท้ายจึงมีมติให้หามือกีต้าร์มาแทน George

ผ่านไป 10 วัน แม้จะมีตัวเลือกอย่าง "Eric Clapton" แต่ในที่ประชุมยืนยันว่า ไม่มีใครมาแทนGeorgeได้ จึงมีมติให้เชิญ Georgeกลับมา เขารับคำเชิญแต่มีเงื่อนไขว่า The Beatles จะต้องไม่กลับไปที่สตูดิโอนั้นอีก และจะต้องไม่มีการแสดงสดของThe Beatlesอีกต่อไป ทุกคนไม่มีทางเลือก จึงตอบรับข้อเสนอของ Georgeทั้งหมด

Rooftop ประเด็นที่ตกไปของGeorge

ช่วงบ่ายวันที่ 30 มกราคม ปี1969 The Beatles เล่นดนตรีบนดาดฟ้าอาคารสำนักงาน Apple Corp.อย่างที่ทราบกัน เล่นไปได้ 40 นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องขึ้นมายุติการแสดง คำพูดสุดท้ายที่ John พูดขำขันปิดท้ายรายการในวันนั้น คือ “I hope we passed the audition.” ( "หวังว่าพวกเราจะผ่านการคัดตัว" )

ถ้ายังจำกันได้ จุดเริ่มต้นของThe Beatles เคยไปauditionที่Decca Records และผลไม่ผ่าน การพูดของ John จึงเป็นการพูดที่แทงใจมากๆ

หลายคนคงข้องใจเรื่องที่ George ไม่ปฏิเสธการแสดงสดบนดาดฟ้า Georgeแสดงท่าทีไม่อยากขึ้นไปเล่นตั้งแต่แรก และ Ringoทราบถึงปัญหาจึงไม่ค่อยอยากเล่นเช่นกัน แต่ Johnตัดรำคาญพูดเสียงดังฟังชัดว่า " โอย เล่นให้จบๆไปเหอะ" เหตุการณ์หลังจากนั้นจึงกลายเป็นเรื่องเล่าขานไปอีกนานแสนนาน....

Abbey Road มา...แต่ Johnไป

การแสดงสดบนเวทีดาดฟ้าของเหล่า Beatlesในวันนั้น สร้างรอยยิ้มให้กับพวกเขา ทำให้อยากทำอัลบั้มขึ้นมาอีกชุด นั่นคืออัลบั้ม "Abbey Road" ซึ่งเป็นอัลบั้มชุดสุดท้ายของ The Beatles โปรเจ็คนี้เริ่มในเดือนกรกฏาคม ปี 1969

วันที่ 18 สิงหาคมเป็นวันที่พวกเขาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา และเล่นด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย(ในห้องบันทึกเสียง) หลังจากวันนั้นเป็นงานแก้ไขในแต่ละจุดของแต่ละคน

และก็เกิดปัญหาขึ้นมาจนได้ เมื่อBeatleแต่ละคนมีสต็อคเพลงมากมายอยู่ในมือ George กับ Johnเบื่อที่จะมาต่อรองกับPaul เรื่องการเลือกเพลงที่จะนำมาใช้ในอัลบั้ม สุดท้าย Johnจึงเสนอข้อสรุปในการทำอัลบั้มชุดต่อไปว่า Ringoจะได้โควต้า 2 เพลง และพวกเขา 3 คนจะได้โควต้าคนละ 4 เพลง (ซึ่งไม่เกิดขึ้นอีกเลย เพราะวงแตกก่อน)

วันที่ 13 กันยายน John กับ Yokoได้เข้าร่วมแสดงคอนเสิร์ต "Toronro Rock and Roll Revival" กับวง Plastic Ono Band (ชมคลิป) ซึ่ง Johnได้รับการต้อนรับที่อบอุ่น เขาไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้นานมากแล้ว งานคอนเสิร์ตครั้งนี้จึงเปลี่ยนความคิดของ Johnไปตลอดกาล เขาไม่กลับมาเป็น The Beatles อีกต่อไป.....

บทสุดท้าย

อีก 1 อาทิตย์ต่อมาเมื่อJohnเผชิญหน้ากับPaul ที่สำนักงาน Apple Corp. เขาตำหนิPaulหลายเรื่อง เรื่องที่ทำให้เขาเสียความมั่นใจในเพลงที่เขาแต่งขึ้นมา และการใช้เสียงร้อง รวมถึงเรื่องการต่อรองเลือกเพลงกับPaulที่น่าเบื่อ

แต่Paulกลับเปลี่ยนเรื่อง และแนะนำ Johnว่า "The Beatlesน่าจะกลับมาออกทัวร์คอนเสิร์ตอีกครั้ง อาจจะทำให้รู้สึกดีขึ้น" Johnได้ฟังดังนั้น แทบจะระเบิดออกมาทันที เขาตะโกนเสียงดังใส่หน้า Paulว่า " บ้าไปแล้ว! ว่าจะไม่พูดแล้วนะ แต่...ผมไม่ขออยู่กับวงต่อแล้ว รู้สึกดีจัง เหมือนได้หย่าเลย" (“I think you’re daft. I wasn’t going to tell you, but I’m breaking the group up. It feels good. It feels like a divorce.”)

หลังจากนั้น JohnจูงมือYokoกลับขึ้นรถ แล้วหันมาพูดกับYokoว่า " พูดกับ The Beatles ต้องพูดแบบนี้ จากนี้ไปจะมีแต่เธอนะ โอเคไหม? "

อย่างที่ทราบกัน แม้ John จะเอ่ยปากลาออกจาก The Beatles แต่ธุรกรรมต่างๆและงานบางส่วนยังต้องดำเนินการต่อไปในนาม The Beatles จึงถือว่ายังไม่มีการยุบวง และทุกคนยังทำตัวปกติ จนกระทั่งวันที่ Paul ออกมาเปิดตัวอัลบั้มส่วนตัวชุดแรกในวันที่ 9 เมษายน ปี 1970 แล้วตอบคำถามผู้สื่อข่าวแบบตรงไปตรงมานั่นแหละคือระเบิดทำลายล้าง The Beatles และวันที่ 10 เมษายน ปี 1969 จึงเป็นวันที่ทุกคนเข้าใจตรงกันว่า คือวัน"อวสาน The Beatles"

ถ้าชอบบทความ อย่าลืมบอกให้ทราบด้วยการให้ "หัวใจ" ด้านล่าง ขอบคุณครับ

แปลและเรียบเรียงบางส่วนจาก Independent (UK's largestquality digital news brand)

สนับสนุนBlog ให้คลิกปุ่ม "เพิ่มเพื่อน"ที่อยู่บนสุด (เข้าถึงBlog ผ่านเมนูในไลน์ ฟรี)welovechannel.info / 13 April 20

    54