"Now and Then" ซิงเกิ้ลสุดท้ายของ The Beatles ที่ Paul รู้สึกว่า John มายืนร้องอยู่ข้างๆ

ตอนนี้ไปที่ไหนก็มีแต่คนพูดถึงเพลง "Now and Then" เพลงสุดท้ายของ The Beatles ที่จะปล่อยออกมาให้ฟังกันผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้พร้อมกันทั่วโลก และคงจะเป็นเพลงสุดท้ายของ The Beatles จริงๆเสียที

จึงไม่น่าแปลกใจที่คนทั้งโลกต่างให้ความสนใจและตั้งตานับวันรอกัน เพลง "Now and Then" จะถูกปล่อยออกมาเป็น double A-side single คู่กับเพลง "Love Me Do" เวอร์ชั่นปี 1962 ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลเปิดตัวของ The Beatles ในอังกฤษ โดยทำออกมาเป็น "new stereo remix"

แต่สำหรับสารคดี "Now and Then - The Last Beatles Song" ความยาว 12 นาที ซึ่งเขียนและกำกับโดย Oliver Murray จะถูกเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ก่อนในวันพุธที่ 1 พฤศจิกายน โดยมี Paul McCartney, Ringo Starr, George Harrison, Sean Ono Lennon และ Peter Jackson ผู้สร้างและผู้กำกับภาพยนตร์สารคดีปี 2021 "The Beatles: Get back" มาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับที่มาและการทำเพลงนี้

ตอนนี้ตัวอย่างของภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ได้ถูกปล่อยออกมา หลายคนคงได้ชมกันไปบ้างแล้ว สาระย่อๆเป็นการพูดถึงที่มาของเพลงนี้ โดย George Harrison บอกว่าเขาได้รับเดโมเพลงนี้จาก Yoko Ono เป็นเสียงร้องของ John Lennon เล่นกับเปียโน

ส่วน Sean Ono Lennon ลูกชายของจอห์นบอกว่า เขารู้สึกจับใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นพอล กับริงโก้ร่วมมือกันทำงานเพลงของคุณพ่อ หลังจากที่คุณพ่อจากไปได้หลายปีแล้ว ฌอนยืนยันว่า นี่จะเป็นเพลงสุดท้ายที่คุณพ่อ พอล จอร์จ ริงโก้ได้ทำร่วมกัน เหมือนได้ย้อนกลับไปสู่อดีต ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลล้วนมีความหมายอย่างยิ่ง

จอห์นบันทึกเพลงนี้ในสตูดิโอที่บ้านตอนปลายยุค 70s และโยโกะส่งต่อให้เพื่อน"Beatle"ในช่วงทศวรรษ 90s ซึ่งในตอนนั้นตั้งใจนำเพลงนี้มาทำใหม่สำหรับโปรเจ็ค "Anthology" พร้อมกับเพลง Free As A Bird และ Real Love

แต่เนื่องจากเพลง "Now and Then" มีคุณภาพเสียงที่แย่กว่า 2 เพลงดังกล่าว และประกอบกับเทคโนโลยีด้านเสียงในยุคยังไม่ก้าวหน้าเหมือนยุคปัจจุบัน เพลงนี้จึงถูกทิ้งไว้บนหิ้ง แม้ว่าพวกเขาจะทำบางส่วนของเพลงนี้ทิ้งไว้แล้วก็ตาม

จนมาในปี 2021 Peter Jackson แสดงให้พอลและริงโก้เห็นว่าเทคโนโลยีด้านเสียงนั้นก้าวหน้าไปไกลมาก เขาสามารถปรับปรุงแก้ไขเสียงที่ถูกบันทึกในอดีตให้ออกมาดีเหมือนที่เขาทำกับสารคดีล่าสุด "The Beatles: Get Back" และเทคนิคเดียวกันนี้จะถูกนำมาใช้กับการทำเพลง "Now and Then" เช่นกัน

เพลง "Now and Then" มีการปรับปรุงเสียงร้องของจอห์นกับเสียงเปียโน และเพิ่มเสียงของพอล ริงโก้ จอร์จซึ่งร้องร่วมกันสดๆในยุค 90s เพิ่มเข้าไปพร้อมกับเสียง backing vocals ของพอลและริงโก้ในปัจจุบัน เป็นการทำงานร่วมกับนักแต่งเพลง Ben Foster และโปรดิวเซอร์ Giles Martin เพื่อเพิ่มเสียงเครื่องสายลงไปในเพลง "Now and Then" นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างเสียงร้องสนับสนุน (backing vocals) จากเพลง “Here, There, and Everywhere,” “Because,” และ “Eleanor Rigby” อีกด้วย

พอลพูดถึงเพลงนี้ว่า เสียงของจอห์นใสปิ๊งดั่งคริสตัลใส ฟังแล้วรู้สึกสะเทือนอารมณ์พอสมควร

โดยพอลบรรยายว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่พวกเขารู้สึกได้อยู่ใกล้ชิดกับจอห์นมากที่สุด ความรู้สึกเหมือนได้อยู่ห้องเดียวกัน ซึ่งริงโก้ก็ยืนยันตามนั้น เป็นอะไรที่สะเทือนอารมณ์พอลและริงโก้อย่างช่วยไม่ได้

"ทุกคนมีส่วนในการเล่นและร้องเพลงนี้ เป็นเพลงของ The Beatles อย่างไม่มีข้อสงสัย ไม่มีใครเคยได้ฟังมาก่อน มันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างแน่นอน" พอลพูดปิดท้ายสำหรับเพลงใหม่และเพลงสุดท้ายของ The Beatles ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้

และในวันที่ 10 ถัดไป The Beatles ก็จะปล่อยอัลบั้ม "Red Album" และ "Blue Album" (2023 Edition) หรือที่รู้จักกันในนามอัลบั้มรวมฮิต "1962-1966" และ "1967-1970" ที่แฟนเพลง The Beatles รู้จักกันดี แต่ชุด"2023 Edition" จะมีเพลงให้ฟังจุใจมากขึ้นโดยชุด "Red Album" จะมีเพลงเพิ่มจาก 26 เพลงเป็น 38 เพลง ส่วนอัลบั้ม "Blue Album" จะมีเพลงเพิ่มจาก 28 เพลงเป็น 37 เพลง โดยเพลง "Now and Then" จะอยู่ในอัลบั้ม "Blue Album" (2023 Edition)

แฟนเพลง The Beatles ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่คงมีความสุขกันถ้วนหน้า ครั้งนี้คงเป็นโปรเจ็คที่ใหญ่ที่สุดของ The Beatles ในยุคที่ยังเหลือ Paul กับ Ringo ตำนานที่ยังมีลมหายใจ ดังนั้นคงเป็นโอกาสทองที่จะเราจะได้เป็นเจ้าของอัลบั้มทั้งหมดนี้เก็บไว้บนหิ้ง..รอนับวันได้เลยครับ

วี welove / 30 October 2023

ติดตามทางเพจ Facebook

ติดตามทาง Line

ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.info