วี welove
มี.ค. 302 นาที
อัพเดตเมื่อ: เม.ย. 1
ถ้าจะพูดถึงเพลงที่อยู่ในความทรงจำของแฟนเพลง "Rock'n'Roll" ยุคแรกๆ หนึ่งในนั้นต้องมีเพลง “Johnny B. Goode” รวมอยู่ด้วย ซึ่งวันนี้ในปี 1958 ได้ถูกปล่อยออกมาให้ทุกคนได้รู้จัก และเป็นที่นิยมในเวลาต่อมา จนมีศิลปินดังมากหน้าหลายตา นิยมเอาไปบันทึกลงในอัลบั้มของตัวเองมากด้วยเช่นกัน
นิตยสารเพลงชื่อดังแห่งยุค "Rolling Stone" ยังจัดให้เพลงนี้เป็นเพลงยอดเยี่ยมตลอดกาลอันดับ 7 จากทั้งหมด 500 เพลง (500 Greatest Songs of All Time) ยอดเยี่ยมขนาดนี้ไม่รู้จักไม่ได้แล้วครับ..ไปดูกันว่าแท้จริงแล้ว Johnny B. Goode คือใครกันแน่
เพลงเขียนจากชีวิตจริงของชัค เบอร์รี่ (Chuck Berry) เขาเขียนไว้เมื่อปี 1955 เป็นเรื่องราวของเด็กบ้านนอกจากนิวออลีนส์ ที่มีฝีมือการเล่นกีต้าร์ไม่เลิศเลอ ได้แต่ฝันว่าวันหนึ่งใครๆก็ต้องรู้จักเขา Chuck Berry ยอมรับว่าเขาตั้งใจเขียนเพลงเล่าเรื่องชีวิตของเด็กผิวสี แต่เพื่อไม่ให้มีปัญหาในการออกสื่อวิทยุ และสามารถเข้าถึงกลุ่มคนฟังผิวขาวได้ง่าย เขาจึงเปลี่ยนจาก “colored boy” (เด็กผิวสี) มาเป็น “country boy”(เด็กบ้านนอก)
รายละเอียดบางส่วนในเนื้อเพลง มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อความเหมาะสม เช่น Chuck Berry อาศัยอยู่ที่เซนต์หลุยส์ แต่เปลี่ยนเป็น"หลุยส์เซียน่า" และตัวเขาเองรู้วิธีการอ่านและเขียนดีมาก ตรงกันข้ามกับเด็กบ้านนอกในเนื้อร้อง
เพลงนี้เป็นตัวอย่างที่ดีในการเขียนเพลงแบบเล่าเรื่อง Chuck Berry เขียนด้วยความใส่ใจและใช้คำตรงตามที่เขาต้องการสื่อ คนฟังจะรับรู้เรื่องราวได้อย่างชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมาศิลปินเพลงคันทรีและบลูส์จะขาดตรงส่วนนี้ (เนื้อหายังไม่จบนะครับ ยังมีให้อ่านต่อจากเนื้อเพลง)
Deep down in Louisiana close to New Orleans
Way back up in the woods among the evergreens
There stood a log cabin made of earth and wood
Where lived a country boy named Johnny B. Goode
Who never ever learned to read or write so well
But he could play a guitar just like a ringin' a bell
Go Johnny go go
Johnny B. Goode
He used to carry his guitar in a gunny sack
Go sit beneath the tree by the railroad track
Oh, the engineers would see him sitting in the shade
Strumming with the rhythm that the drivers made
People passing by, they would stop and say
"Oh my that little country boy could play"
Go Johnny go go
Johnny B. Goode
His mother told him "Someday you will be a man
And you will be the leader of a big old band
Many people coming from miles around
To hear you play your music when the sun go down
Maybe someday your name will be in lights
Saying "Johnny B. Goode tonight"
ชื่อ “Johnny” ได้มาจากชื่อของจอห์นนี่ (Johnnie Johnson) เพื่อนนักเปียโนที่เล่นด้วยกันอยู่ประจำ เพลงที่ทั้งคู่เล่นด้วยกันและเรารู้จักกันดี อาทิเช่น “Maybellene” “Roll Over Beetoven” และ “Sweet Little 16"
Chuck Berry เป็นนักร้องนำ เข้าร่วมวงกับจอห์นนี่มาตั้งแต่ปี 1953 ชื่อ The Sir John Trio ซึ่งเป็นวงดนตรี 3 ชิ้น จอห์นนี่เป็นศิลปินที่ได้รับการยอมรับจากศิลปินดังๆอย่าง Keith Richards, Eric Clapton, John Lee Hooker และอีกหลายๆท่าน
ในปี 2000 จอห์นนี่ฟ้อง Chuck Berry เรื่องที่เขาไม่ได้รับเครดิตในการแต่งเพลง ซึ่งมีอยู่หลายเพลงรวมถึงเพลงนี้ด้วย เพราะตอนสมัยทำวงด้วยกัน เขามักจะเขียนเพลงจากเปียโน ส่วน Chuck Berry นำมาแปลงเป็นเสียงกีต้าร์แล้วใส่เนื้อเพลง แต่ศาลยกฟ้องเนื่องจากเรื่องราวผ่านไปนานมาก อีก 5 ปีต่อมาในปี 2005 จอห์นนี่ก็ลาตายไปก่อนในวัย 80 ปี เรื่องของทั้งคู่จึงจบลงไม่สวยงามสักเท่าไร ทั้งๆที่มีอดีตที่งดงามสร้างชื่อให้ทั้งคู่อยู่ดีกินดี
ทราบที่มาของชื่อ "Johnny" ต่อไปก็เป็นคิวของคำว่า “Goode” เขาเอาชื่อนี้มาจากชื่อถนนในเซนต์หลุยส์ “Goode Avenue” เป็นที่ๆเขาเติบโตมา ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อไปแล้ว และอีกอย่าง เขาต้องการสื่อให้รู้ว่า Johnny เป็นนักกีต้าร์ฝีมือดี (good) ทุกอย่างจึงลงตัวด้วยประการฉะนี้
สำหรับอินโทรกีต้าร์อันลือลั่นแบบฉบับของ Johnny B. Goode ได้มาจากเพลง “Ain’t That Just Like A Woman”ในปี 1946 ของ Louis Jordan ซึ่งเล่นกีต้าร์โดย Carl Hogan ส่วนลักษณะการเล่นกีต้าร์บนเวที (ท่าเล่นกีต้าร์ย่อเข่ากระต่ายขาเดียว) ลอกเลียนมาจาก T-Bone Walker ซึ่งเป็นมือกีต้าร์ที่มีชื่อเสียงในยุค 40s และ 50s ต้นๆ
สรุปคือ Chuck Berry ลอกคนอื่นมาหมด เพียงแต่เขาอยู่ถูกที่ถูกเวลา ใครๆก็เลยคิดว่าเป็นการสร้างสรรค์จากมันสมองของเขาล้วนๆ รวมถึงท่าย่อเข่าเล่นกีต้าร์กระโดดกระต่ายขาเดียวพิลึกก็ล้วนเอามาจากศิลปินรุ่นพี่ทั้งนั้น
ในปี 1985 (พ.ศ. 2528) ภาพยนต์ทำเงินเรื่อง "Back To The Future" นำเพลงนี้มาพูดถึง ซึ่งเป็นฉากที่มีการพูดถึงมากที่สุดฉากหนึ่ง
ในฉากนี้ มาร์ตี้ แม็คฟลาย (Marty McFly) ซึ่งนำแสดงโดยไมเคิล เจ.ฟ็อกซ์ (Michael J. Fox) ได้ย้อนอดีตกลับไปในยุค 50s (ก่อนปี 1958) เพื่อทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ได้พบรักกัน เมื่อทำได้สำเร็จ มาร์ตี้จะลงจากเวที แต่ มาร์วิน เบอร์รี่ (Marvin Berry) นักร้องนำวงได้ขอให้มาร์ตี้เล่นต่ออีกสักเพลง ซึ่งก็คือเพลง " Johnny B. Goode"
ในตอนนั้นไม่มีใครรู้จักเพลงนี้ พอมาร์วินได้ฟัง เขาเลยโทรหาญาติที่ชื่อ "Chuck Berry" บอกไปว่า เขาเพิ่งได้ฟังเพลงอย่างที่ชัคกำลังตามหาอยู่ ซึ่งเป็นมุขที่ฟังแล้วถึงกับฮาได้เลย (เพราะเป็นเรื่องไม่จริง) แต่พอเล่นไปได้สักพัก มาร์วินเปลี่ยนแนวการเล่นกีต้าร์เป็น Heavy Metal (เริ่มนาทีที่ 1.58) สร้างความตกใจให้กับแขกผู้มาร่วมงาน ไม่เว้นแม้กระทั่งนักดนตรี......
พอได้ย้อนกลับไปดูฉากนี้อีก ก็ยังรู้สึกสนุกและอินกับบทหนัง บอกได้เลยว่าเป็นหนังย้อนยุคที่น่าประทับใจอีกเรื่องของหลายๆคน ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น.....
ปีนี้ครบ 66 ปี ที่เพลง Johnny B. Goode ออกวางขายในอเมริกา และขึ้นถึงอันดับ 8 บน Billboard Hot 100 ส่วนบนชาร์ต Hot R&B Sides เพลงนี้ขึ้นถึงอันดับ 2 ..เพลงวันนี้ในอดีต Johnny B. Goode (1958)
วี welove / 31 March 2020 (update 2024)
ติดตามทางเพจ Facebook
ติดตามทาง Line
ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.info