วี welove

15 มิ.ย. 20232 นาที

Jimmie Nicol หนึ่งในมือกลอง The Beatles ที่โชคชะตาเล่นตลก..วันนี้ในอดีต

ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเขามากนัก แต่ช่วงเวลานี้ยังไงก็ต้องพูดถึงเขาคนนี้ "Jimmie Nicol" (บ้างก็เขียน "Jimmy") เพราะวันที่13 มิถุนายน ปี 1964 เขาทำหน้าที่แทน "ริงโก้" เป็นครั้งสุดท้ายในนาม The Beatles ก่อนจะบินกลับอังกฤษเป็นคนธรรมดาอีกครั้งในวันที่ 15 มิถุนายนปีนั้น

เรื่องราวของเขาน่าสนใจ เขามองตัวเองเป็นผู้โชคดีในตอนนั้น แต่ผ่านมาหลายปี เขารู้เลยว่ามันเป็นความโชคร้ายที่กัดกร่อนจิตใจของเขามาตลอดหลายปี..เราไปตามอ่านจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ ความตื่นตาตื่นใจที่เขาได้รู้สึก และความเดียวดายไร้คุณค่าที่เกิดขึ้นกระทันหันจนเขาตั้งตัวไม่ติด.. ติดตามอ่านกันต่อเลยครับ..

Goodbye, The Beatles!

บทสรุปในตอนต้น

เมื่อวานเล่าถึงความเป็นมาของมือกลองวงThe Beatles ที่มีจำนวนมากถึง 18 คน จะเห็นว่ามีเรื่องราวน่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเรื่องราวของริงโก้และ Pete Best แต่ยังมีอีกหนึ่งคน คนๆนี้แอดรับรองว่าถ้าอ่านเรื่องราวของเขาจนจบ คุณจะไม่มีทางลืมเขาแน่นอน เขาเป็นหนึ่งในมือกลองที่โชคดีที่สุดในโลกและถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เขาก็คงไม่อยากได้โอกาสนั้นอีกเลย

Jimmie Nicol หนึ่งในมือกลองของ The Beatles ทั้ง 18 คนตั้งแต่ยุคก่อตั้งจนถึงยุบวง แต่เขาน่าจะเป็นมือกลองที่โชคดีที่สุดรองจาก Ringo Starr เพราะเขามีโอกาสได้ร่วมออกทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกกับ The Beatles ถึง 8 คอนเสิร์ตในปี 1964 ซึ่งถือเป็นยุคทองของ The Beatles ทำให้เขากลายเป็นคนที่ถูกพูดถึงกันว่าจะมาแทนที่ริงโก้

แต่เขาอยู่ในความสนใจของคนทั้งโลกเพียงแค่ 10 วัน ( 4 - 13 มิถุนายน) ก่อนที่จะกลายเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครให้ความสนใจ เพราะวันที่เขาต้องบินกลับกรุงลอนดอน เขากลับอย่างเดียวดายไร้ผู้คนไปรอส่ง..มีเพียงแค่ Brian Epstein ผู้จัดการวง The Beatles เท่านั้นที่ไปส่งเขา

ช่างต่างกับ 10 วันก่อนหน้านั้น..ที่เขาได้เดินทางร่วมกับ John Lennon, Paul McCartney และ George Harrison ในนาม The Beatles ซึ่งมีแฟนเพลงมาคอยรับส่งหลายพันคนพร้อมกับกองทัพนักข่าว

เมื่อริงโก้กลับมาทำหน้าที่ได้ปกติ ความรู้สึก "สูงสุดคืนสู่สามัญ" จึงเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเขาแบบกระทันหัน เหมือนกำลังฝันหวานได้ลาภก้อนโต แต่สุดท้ายก็เป็นแค่ความฝัน เรื่องราวการส่งผ่านไม้กลองที่ทำให้เขากลายเป็น"มือกลองที่โลกลืมเร็วที่สุดในโลก"

อีกทั้งยังมีคำถามคาใจแฟนเพลงหลายๆคนว่าทำไมในช่วงเวลานั้นพวกเขาถึงไม่เลือก Pete Best มาแทนริงโก้เป็นการชั่วคราว เราไปหาคำตอบกันเลยครับ

จุดเริ่มต้น Jimmie Nicol หนึ่งในมือกลอง The Beatles

ก่อนทัวร์คอนเสิร์ต "The Beatles 1964 world tour" (Australasian tour) เพียงวันเดียว ริงโก้เข้ารับการรักษาต่อมทอนซิลอักเสบที่โรงพยาบาลในวันที่ 3 มิถุนายน ปี 1964 ทำให้ Brian Epstein ตัดสินใจหามือกลองมาแทนริงโก้ แทนที่จะยกเลิกบางคอนเสิร์ต George Martin จึงแนะนำมือกลองประจำห้องอัดชื่อ Jimmie Nicol ซึ่งมีประสบการณ์บันทึกcoverเพลงของ The Beatles มาก่อน

Jimmie Nicol มือกลองประจำห้องอัด

แค่เริ่มต้นก็มีปัญหา

จอห์นกับพอลไม่มีปัญหากับการตัดสินใจนี้ แต่จอร์จกลับไม่เห็นด้วย เขาเสนอให้หาคนมาแทน 2 คนแทนที่เขากับริงโก้ เพราะเขาจะไม่ออกทัวร์ด้วยถ้าไม่มีริงโก้ จึงเป็นหน้าที่ของ Brian Epstein กับ George Martin ที่ต้องคอยอธิบายโน้มน้าวจอร์จให้ยอมรับการตัดสินใจครั้งนี้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดผลเสียและส่งผลกระทบกับชื่อเสียงของ The Beatles และจะทำให้แฟนเพลงหมดศรัทธา ส่วนริงโก้ก็น้อยใจ ไม่คิดว่าผู้จัดการจะตัดสินใจแบบนั้น ที่ให้ The Beatles ออกงานโดยไม่มีเขา ซึ่งนับเป็นเรื่องแปลกมาก

ทำไมไม่เรียก Pete Best

หลังจากนั้น Jimmie Nicol ก็ถูกเรียกตัวให้ไปทดสอบและซ้อมดนตรีที่ Abbey Road Studios โดยมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง นักข่าวตั้งข้อสังเกตว่าทำไมไม่เรียกตัว Pete Best ซึ่งเป็นมือกลองที่เคยร่วมงานกับ The Beatles จอห์นให้คำตอบว่า พีทมีวงของตัวเองแล้ว (Pete Best & the All Stars) และการทำอย่างนั้น จะเหมือนไปดึงตัวเขากลับมา ซึ่งจะดูไม่ดี

ความฝันอันสูงสุดของใครต่อหลายคน

หลังจากนั้นอีก 27 ชั่วโมงถัดมาในวันที่ 4 มิถุนายน (1964) จิมมี่ก็ขึ้นเล่นกับ The Beatles เป็นวันแรกที่เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์กต่อหน้าแฟนเพลง 4,500 คน ยังเล่นทุกเพลงตามลิสต์ ยกเว้นเพลงเดียว "I Wanna Be Your Man" เพราะริงโก้เป็นคนร้อง หลังจากวันนั้นก็ไปแสดงที่เนเธอร์แลนด์ ฮ่องกง ออสเตรเลีย ( ส่วนนิวซีแลนด์ อังกฤษ สวีเดน จิมมี่ไม่ได้ไปด้วย เนื่องจากริงโก้กลับมารับช่วงต่อ)

จิมมี่เล่าให้ฟังครั้งแรกที่มาแทนริงโก้ว่า การไว้ทรงผมเต่าทอง ใส่ชุดสูท และนั่งหลังกับจอห์นและพอลเป็นอะไรที่แปลกและน่ากลัวมาก เพราะสาวๆเอาแต่จะจับต้องพวกเขา ซึ่งก่อนหน้านี้เขาไม่เคยได้รับความสนใจจากสาวๆขนาดนี้เลย ถึงขนาดคิดไปไกลว่าเขาสามารถนั่งดื่มและใกล้ชิดกับสาวสวยทุกคนได้ดั่งใจไม่มีแห้วอย่างแน่นอน

อีกมุมมองหนึ่งที่จิมมี่เล่าให้ฟัง ปกติหลังคอนเสิร์ต The Beatles จะอยู่แต่ในโรงแรม เพื่อเลี่ยงความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น แต่สำหรับตัวเขาสามารถออกไปเดินเล่นเหมือนนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ เขามักจะออกไปเดินเล่นคนเดียวหลังการแสดงกับ The Beatles เพราะไม่มีใครจำเขาได้

วันนั้นก็มาถึง

Jimmie Nicol เล่นให้กับ The Beatles คืนสุดท้ายในวันที่ 13 มิถุนายนปี 1964 ที่ Centennial Hall, Adelaide ออสเตรเลีย พอมาอีกวัน..ริงโก้กับ Brian Epstein ก็บินจากซิดนีย์มาถึงเมืองเมลเบิร์น และเข้าพักที่โรมแรมเมลเบิร์นก่อนใครเพื่อน

ส่วนเพื่อนๆ Beatles และ Jimmie Nicol ตามมาสมทบที่โรงแรมโดยบินมาจากเมืองแอดิเลด (Adelaide) และเย็นวันนั้น The Beatles พักเล่นคอนเสิร์ต 1 วัน (14 มิถุนายน) พวกเขาอยู่ฉลองกันถึงตี 4 ยกเว้นจิมมี่ที่ต้องขอตัวเข้านอนก่อนคนอื่น เนื่องจากต้องตื่นเช้าเตรียมบินกลับกรุงลอนดอนในวันที่ 15 มิถุนายน

สองโมงเช้าจิมมี่ย่องออกจากโรงแรมโดยไม่ได้กล่าวร่ำลาเพื่อนๆ "Beatles" เพราะไม่อยากปลุกพวกเขาที่ยังคงนอนสลบไสลกัน โดยมี Brian Epsteinไปส่งที่สนามบิน ไบรอันมอบเช็คมูลค่า 500 ปอนด์ ให้กับจิมมี่ตามที่ตกลงกัน และยังมอบนาฬิกาข้อมือเรือนทองให้จิมมี่เป็นที่ระลึก ซึ่งสลักคำอยู่ด้านหลังเขียนว่า

“From the Beatles and Brian Epstein To Jimmy, with appreciation and gratitude – Brian Epstein and The Beatles.”
(“ถึงจิมมี่ ด้วยความซาบซึ้งและขอบคุณ - จาก Brian Epstein และ The Beatles”)

Jimmie Nicol ที่สนามบินเมืองเมลเบิร์น

ผมมองภาพถ่ายที่จิมมี่นั่งรอที่สนามบิน Essendon Airport เมืองเมลเบิร์นแล้วในวันนั้น รู้สึกถึงความเหงาและเศร้าในอารมณ์ เขาต้องอำลาบทบาทแสตนอินของริงโก้ไปตลอดกาล..วันที่ไม่มีใครใน The Beatles ไปส่งเขา ไม่ได้กล่าวร่ำลากันหลังจากที่ต้องเหน็ดเหนื่อยด้วยกันมาตลอด 12 วัน วันที่ไม่มีใครสักคนไปส่งเขาที่สนามบิน ไม่มีนักข่าวแม้แต่คนเดียวมาทำข่าว มีเพียง Brian Epstein เท่านั้น..ต่างกันลิบลับกับตอนมาเยือนออสเตรเลียในวันแรก วันที่ใครๆก็มาต้อนรับเขาพร้อมกับ John Lennon, Paul McCartney และ George Harrison ในนาม The Beatles

โชคดีหรือโชคร้ายสำหรับจิมมี่

พอลย้อนความหลังพูดถึงเรื่องนี้ เขาเห็นใจจิมมี่ที่ต้องเผชิญความรู้สึกนั้น

"It wasn't an easy thing for Jimmie to stand in for Ringo, and have all that fame thrust upon him. And the minute his tenure was over, he wasn't famous any more." - Paul McCartney
(ไม่ง่ายเลยสำหรับจิมมี่ที่ต้องรับหน้าที่แทนริงโก้ ชื่อเสียงทั้งหมดพุ่งตรงมาหาเขา และนาทีที่วาระของเขาหมดลง เขาก็ไม่มีชื่อเสียงอีกต่อไป)

จิมมี่ย้อนคิดถึงวันนั้น คำนิยามสั้นๆที่เขารู้สึกภูมิใจอยู่ลึกๆในฐานะมือกลองของ The Beatles การเหยียบกระเดื่องของเขาในช่วงเวลานั้นช่างมีความหมายยิ่งนัก โดยเฉพาะ 2 วันที่เมือง Adelaide ประเทศออสเตรเลีย

“2 fabulous days with the world at my feet”. - Jimmie Nicol
(2 วันอันเหลือเชื่อที่โลกทั้งใบอยู่แทบเท้าผม)

Good Bye, Jimmie

แต่อีกมุมหนึ่งเขารู้สึกเจ็บปวดกับฝันร้ายที่ติดตัวเขาไปตลอดชีวิต เขาเคยพูดถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่า

"Standing in for Ringo was the worst thing that ever happened to me. Until then I was quite happy earning £30 or £40 a week. After the headlines died, I began dying too." - Jimmie Nicol
(การทำหน้าที่แทนริงโก้คือเรื่องเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นกับผม ก่อนหน้านั้นผมค่อนข้างมีความสุขกับรายได้ 30 หรือ 40 ปอนด์ต่อสัปดาห์ แต่พอเรื่องนี้จบลง ผมก็จบลงตามไปด้วย)

ฝันสลาย

การที่จิมมี่ได้ร่วมงานกับ The Beatles ในครั้งนั้น น่าจะเป็นใบเบิกทางอาชีพการงานของเขา ใครๆก็คิดว่าเขาน่าจะมีโอกาสมากมายทางธุรกิจดนตรี และก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เขาสามารถเริ่มธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว แต่ขาดประสบการณ์ ธุรกิจจึงมีปัญหาในปี 1965 และถูกฟ้องล้มละลายในปี 1967 หลังจากนั้นก็กลับไปเป็นมือกลองให้กับหลายๆวง จนสุดท้ายหันไปทำงานอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับแวดวงคนดนตรี

เทวดาตกสวรรค์ ตนนี้ที่ใครๆก็อยากเป็น

ปัจจุบัน Jimmie Nicol อายุ 83 ปีย้ายไปอาศัยอยู่เม็กซิโกตั้งแต่ปี 2013 และไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนฝูงอีกเลย..สูงสุดคืนสู่สามัญในพริบตาสำหรับชายคนนี้ ชายที่ผมคิดว่าโชดดีที่สุดในช่วงเวลานั้นของปี 1964 เพราะเขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ The Beatles โดยส่วนตัวและการงาน แต่กลับได้ใกล้ชิดกับคนดังอย่าง John Lennon, Paul McCartney, George Harrison และ Ringo Starr แบบถึงตัว ได้ถ่ายรูปออกสื่อ ได้นั่งทานอาหารด้วยกัน และอื่นๆอีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้เล่นเพลงของ The Beatles กับจอห์น พอล จอร์จโดยตรง..โอ้ พระเจ้าจอร์จ! เป็นใครๆก็ยอมเป็นเทวดาตกสวรรค์ จริงไหมครับ..ท่านผู้อ่าน

วี welove / 14 June 2022 ( updated 2023)

ติดตามทางเพจ Facebook

ติดตามทาง Line

ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.info

    2