วี welove

5 พ.ค. 20232 นาที

เพลง "Lost In Love" เพลงแจ้งเกิดของ Air Supply ที่มาโดยไม่คาดคิด

อัพเดตเมื่อ: 22 มิ.ย. 2023

วันนี้มีโอกาสได้เขียนเรื่องราวเพลงของ Air Supply วงที่มีเพลงรักในยุค 80s ที่ติดหูคนไทยหลายเพลง สำหรับวันนี้จะมาพูดถึงเพลง "Lost In Love" เพลงอันดับ 1 ของพวกเขาบนตารางบิลบอร์ดแนวเพลง "Adult Contemporary" สัปดาห์นี้ในปี 1980

เรื่องราวเส้นทางการเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของ Whitney Houston, Aerosmith และ Alicia Keys ล้วนเกิดจากการผลักดันของ Clive Davis ตำนานเจ้าของค่ายเพลงดัง "Arista Records" รวมถึงเรื่องราวของวง Air Supply ที่โชคชะตาของพวกเขาต้องมาผูกติดกับ Clive Davis อย่างไม่น่าเชื่อ เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรนั้น ผมจะเล่าให้ฟัง เขียนให้อ่านตรงนี้วันนี้ ใครอยากรู้ที่มาที่ไปของวง Air Supply และเพลง "Lost In Love" ต้องไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง

ก่อนจะมาเป็น Air Supply

ความจริงแล้วเพลง "Lost In Love" เป็นเพลงฮิตตั้งแต่ปี 1979 แต่ฮิตเฉพาะในออสเตรเลียประเทศบ้านเกิดของวง Air Supply แล้วจู่ๆก็มาดังในอเมริกา ทำให้ Air Supply แจ้งเกิดและประสบความสำเร็จมากมายในต้นยุค 80s แม้จะมาเร็วและไปเร็ว แต่ก็กอบโกยชื่อเสียงเงินทองเป็นเป็นกำในช่วง 3 ปีนับจากปี 1980

สำหรับคลิปนี้เป็นเวอร์ชั่นปี 1979 ดังในออสเตรเลีย

วง Air Supply เริ่มต้นมาจาก Graham Russell นักร้องนักแต่งเพลงมือกีต้าร์ชาวอังกฤษที่ไปดูคอนเสิร์ตของ The Beatles ในปี 1964 ทำให้ตัดสินใจเป็นนักดนตรีนับตั้งแต่บัดนั้น เขาได้เข้าร่วมวงครั้งแรกกับวง Union Blues ในปี 1965 แต่ไม่ได้ยืนอยู่หน้าเวทีเพราะเล่น percussion อีกทั้งไม่มีโอกาสได้นำเสนอเพลงตัวเองบนเวที จึงเป็นสาเหตุให้เขาลาออกจากวงและบินไปออสเตรเลียเพื่อไปตั้งวงใหม่ที่เมือง Melbourne ในปี 1968 แต่สุดท้ายก็เป็นได้แค่เพียงนักดนตรีเล่นคนเดียวตามร้านคาเฟ่ และคลับแดนซ์

Air Supply ถือกำเนิด

ระหว่างนั้น Graham Russell เริ่มสนใจเกี่ยวกับจิตวิญญาณและเรื่องอาถรรพ์ เขาต้องการค้นหาความรู้และคำตอบเกี่ยวกับชีวิต จึงนำพาเขาได้ไปร่วมเล่นดนตรีในละครร็อคโอเปร่าเรื่อง Jesus Christ Superstar ในปี 1975 และที่นี่เองที่ทำให้เขาได้เจอ Russell Hitchcock นักดนตรีอีกคนที่ถือสัญชาติออสเตรเลียและกลายเป็นเพื่อนกันนับตั้งแต่นั้น

Graham Russell กับ Russell Hitchcock (ชุดแดง)

ทั้งคู่เล่นเพลงของ The Beatles ทั้งระหว่างและหลังการแสดง และหลังจากผ่านไป 18 เดือนกับละครร็อคโอเปร่า ทั้งคู่ก็ร่วมก่อตั้งวง Air Supply ชื่อที่ Graham Russell บอกว่าได้มาจากความฝัน เขาฝันเห็นป้ายกล่องไฟยักษ์ลอยมา ซึ่งปรากฏชื่อ "Air Supply" เด่นชัดมาก

เพลงแจ้งเกิดของ Air Supply เกิดขึ้นได้อย่างไร?

กลับมาพูดถึงตัวเพลงกันบ้าง ซิงเกิ้ลเพลงนี้ออกมาครั้งแรกในปี 1979 อยู่ในอัลบั้ม Life Support ของค่าย Sony ซึ่งขายดีเฉพาะในออสเตรเลียทั้งซิงเกิ้ลและอัลบั้ม อัลบั้ม 3 ชุดก่อนหน้านั้นก็เช่นกันล้วนขายได้ดีเฉพาะในออสเตรเลีย

แต่เมื่ออัลบั้มชุดที่ 5 "Lost In Love" ของพวกเขามาอยู่ใต้เงาของค่าย Arista Records ผลงานของเขาก็กลายเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นทั้งในตลาดอเมริกาและทั่วโลก อีกทั้งยังถูกจริตกับคนอเมริกัน เพราะซิงเกิ้ลทั้ง 3 เพลงจากอัลบั้มชุดนี้ล้วนเข้าป้าย Top 5 บนบิลบอร์ด Top100 ได้แก่เพลง "Lost In Love" (#3), "Every Woman In The World" (#5) และเพลง "All Out of Love" (#2) แถมอัลบั้มก็ขายดีขึ้นถึงอันดับ 22 บนตาราง Billboard 200

ทั้งหมดนี้สร้างความประหลาดใจให้กับ Graham Russell และ Russell Hitchcock เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ทั้งนั้นทั้งคู่ต้องขอบคุณและยกนิ้วให้นายใหญ่แห่งค่าย Arista Records ที่มองการณ์ไกลเสี่ยงดวงซื้อลิขสิทธิ์เพลง "Lost In Love" ของศิลปินโนเนมอย่าง "Air Supply" แล้วเอามาทำใหม่ ปล่อยวางขายชิมลางในตลาดอเมริกาช่วงต้นเดือนมกราคมปี 1980 ก่อนจะปล่อยอัลบั้ม "Lost In Love" ตามติดออกมาในเดือนมีนาคมปีนั้น

Clive Davis สนใจเพลงก่อนสนใจตัวศิลปิน

Graham Russell ผู้แต่งเพลงนี้เล่าว่าในปี 1979 ระหว่างที่เขาเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในอังกฤษ เขาทราบข่าวเกี่ยวกับการซื้อขายลิขสิทธิ์เพลง "Lost In Love" เพื่อทำตลาดในอเมริกา เนื่องจาก Clive Davis นายใหญ่แห่งค่าย Arista Records ได้กลิ่นความนิยมของเพลงนี้ทันทีที่เขาได้ยินเพลงนี้

Clive Davis เล่าว่าช่วงเวลาที่เขาได้ยินเพลงนี้ เขามั่นใจว่ามันต้องเป็นเพลงฮิตอย่างแน่นอน เขาไม่รู้ภูมิหลังของวง Air Supply มาก่อน ว่าเป็นวงที่ได้รับความนิยมพอสมควรในออสเตรเลีย วงที่เคยออกอัลบั้มในอเมริกาให้กับค่าย Columbia Records ช่วงที่ไปเล่นเป็นวงเปิดให้ Rod Stewardในปี 1977 แต่อัลบั้มไปไม่รอดขายไม่ออก หรือเพลง "Lost In Love" ที่หลายค่ายเพลงในอเมริกาอย่างน้อย 10 กว่าค่ายปล่อยผ่านไม่สนใจที่พวกเขานำเสนอ แม้ Clive Davis จะรู้เรื่องเหล่านี้ แต่ก็ไม่สำคัญต่อการตัดสินใจของเขาในครั้งนั้น

"ผมรู้สึกว่าเพลงนี้มีศักยภาพที่แท้จริง เสียงร้องที่มีเอกลักษณ์ และมีตลาดสำหรับเพลงรักดีๆเสมอ ผมตกลงปล่อยเพลงนี้ออกมาเป็นซิงเกิ้ลทันที พร้อมตัวเลือกในการออกอัลบั้ม แต่ก่อนอื่นผมต้องการบันทึกเพลงนี้ให้ดีขึ้นกว่าเดิม" - Clive Davis
"I felt the song had true potential, that the vocal sound was unique, and that there is always a market for a well-crafted love song. I immediately made a deal to release it as a single, with an option to release an album, but first, I wanted to enhance the record." - Clive Davis

และก็เป็นจริงตามคาด เพลงนี้ได้รับความนิยมขึ้นสูงสุดที่อันดับ 3 ในอเมริกา เป็นข่าวดีสำหรับทั้ง Graham Russell และ Clive Davis เกรแฮมเหมือนได้เกิดใหม่ เพราะช่วงเวลานั้นฐานะการเงินของเขาเพื่อนกำลังย่ำแย่ เขาจึงดีใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเรื่องจริง จึงโทรหานายใหญ่แห่งค่าย Arista Records เกี่ยวกับเรื่องนี้ คำตอบจากนายใหญ่ก็คือ "Yeah, it's happening" (ใช่เลย มันกำลังเกิดขึ้น) ก็แปลว่ามันเป็นเรื่องจริง

"And I saw the single being reviewed in Cash Box magazine when I was overseas trying to scrape money together to live, because I was broke. It said, 'This song is destined to go all the way to Top 5.' I couldn't believe it. So I called Clive up, and he said, 'Yeah, it's happening.'" - Graham Russell

Graham Russell ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพลงนี้ออกวางขายในอเมริกาตั้งแต่เมื่อไร และระหว่างทางบินกลับออสเตรเลีย เขาแวะนครลอสแองเจลิสเพื่อขอพบ Clive Davis ให้แน่ใจว่าทุกอย่างที่ได้ยินมาเป็นเรื่องจริง และได้รับการยืนยันจากปากจาก Clive Davis อีกครั้ง ยิ่งกว่านั้นเหมือนถูกหวยเขาได้เซ็นสัญญากับค่าย Arista Records เพื่อบินกลับไปทำอัลบั้ม "Lost In Love" ที่ออสเตรเลียทันที

การแต่งเพลง

Graham Russell ใช้เวลาเขียนเพลงนี้เพียง 15 นาที เขาอธิบายว่ามันเป็นเพลงง่ายๆ ไม่ใช่เพลงแจ๊ส หรือแนวฟิวชั่น มีเพียง 4 คอร์ด ไม่มีท่อนฮุค (Chorus) มีแต่ท่อนธรรมดา (Verse) และท่อนส่ง (Bridge) เขารู้ล่วงหน้าว่าจะเขียนอะไรและไปจบตรงไหน เมื่อมีตรงนี้ทุกอย่างก็เลยง่าย ยิ่งได้เล่นเปียโนหรือหยิบกีต้าร์มาเขียนเพลงก็ยิ่งทำให้เขียนจบเร็วยิ่งขึ้นไปอีก

"'Lost In Love' is such a simple song. I think about the songs before I start to write them, and I think about where they're going to go. I'm very aware that when that inspiration comes, it comes very quickly" - Graham Russell

เรื่องราวของเพลง "Lost In Love" ทำให้ผมต้องเท้าความความเป็นมาของ Air Supply ไม่เช่นนั้นคงจะมีคำถามมากมายอยู่ในใจ เมื่อจะพูดถึงเพลงฮิตเพลงแรกของพวกเขาแล้ว ก็ควรจะรู้จักพวกเขาเช่นกัน งานนี้คนอ่านได้กำไร 2 ต่อครับ..ขอให้มีความสุขกับเสียงเพลงและเนื้อหา "Lost In Love" เพลงฮิตเพลงแรกของพวกเขาในอเมริกา

วี welove / 4 May 2023

ติดตามทางเพจ Facebook

ติดตามทาง Line

ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.i

14