วี welove

ก.พ. 222 นาที

"Can't Help Falling In Love" เพลงสุดท้ายคอนเสิร์ตสุดท้ายของ Elvis

อัพเดตเมื่อ: มี.ค. 17

วันนี้ในปี 1962 Elvis Presley มีเพลงอันดับ 1 ในอังกฤษกับเพลง 'Rock-A- Hula Baby / Can't Help Falling In Love.' จากภาพยนตร์เรื่อง 'Blue Hawaii' เป็นเพลงอันดับ 1 เพลงที่ 10 ของเขาในอังกฤษ

วันนี้จะมาเล่าถึง Elvis Presley ศิลปินในดวงใจของใครต่อใครหลายคนบ้าง ที่ห่างหายไปเพราะดูเหมือนได้รับความสนใจจาก FC น้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับศิลปินอื่นที่ผมนำเสนอ ตอนนี้ใครเป็นแฟนคลับของเอลวิส อย่ามัวแต่อ่านนะครับ ต้องออกเสียงกด "Like" ให้ศิลปินที่เราชอบบ้าง จะได้มีเรตติ้งที่ผมสามารถนำเสนอเรื่องราวของศิลปินนั้นได้บ่อยๆ งั้นติดตามอ่านกันต่อเลยครับ

Can't Help Falling In Love

ความพยายามของ Elvis ที่ไร้ค่า

จะว่าไปแล้วในอเมริกายุค 60s เป็นยุคที่เอลวิสไม่มีผลงานเพลงที่จะให้พูดถึงมากนัก ส่วนมากจะเป็นเพลงที่ทำขึ้นมาเพื่อใช้ประกอบภาพยนต์ เนื้อหาในบทเพลงจึงอ่อน ความคาดหวังว่าเขาจะมีเพลงอันดับ 1 ในอเมริกาให้เหมือนยุค 50s คงห่างไกลเกินฝัน

คงเป็นความตั้งใจของ Elvis ในการเข้าสู่โลกการแสดง เขาพยายามที่จะเน้นการแสดงมากกว่าการร้องเพลงอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงขอร้องเพลงในภาพยนตร์ให้น้อยที่สุด อย่างภาพยนตร์เรื่อง Flaming Star ในปี 1960 มีเพียง 2 เพลง ("Flaming Star" และ "Summer Kisses Winter Tears") ผลที่ออกมาไม่ค่อยดีนัก และอีกเรื่อง "Wild in the Country" ในปี 1961 Elvis ร้องเพียง 3 เพลง แต่เมื่อภาพยนต์เรื่องถัดมาในปีเดียวกันคือ "Blue Hawaii" มีฉากที่ Elvis ร้องเพลงอยู่หลายเพลง หนึ่งในนั้นคือเพลง "Can't Help Falling In Love" หนังกลับทำเงินมากกว่าเพราะแฟนเพลงแห่กันไปชมนั่นเอง..

ความนิยมสูงสุดใน UK

Elvis เริ่มมาถ่ายทำภาพยนตร์และบันทึกเพลงสำหรับอัลบั้มซาวด์แทร็กเรื่อง "Blue Hawaii" ที่ฮาวายตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 1961 และมีแผนจะออกซิงเกิ้ล "Rock-A-Hula Baby (Twist Special) / Can’t Help Falling in Love" ก่อนภาพยนตร์จะออกฉายในเดือนพฤศจิกายนปีนั้นด้วย

และเมื่อซิงเกิ้ลถูกปล่อยออกมาในช่วงเวลาเดียวกับภาพยนตร์ ทั้งหนังทั้งเพลงสามารถสร้างความประทับใจให้กับแฟนเพลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งซิงเกิ้ลเพลง Can't Help Falling In Love ขึ้นไปถึงอันดับ 2 ในอเมริกา ส่วนในอังกฤษ (UK) สามารถเบียดเพลง The Young Ones ของ Cliff Richard ร่วงหล่นจากอันดับ 1ได้หลังจากครองอันดับ 1 มานาน 6 สัปดาห์..วันนี้ในปี 1962 (พ.ศ. 2505)

เบื้องหลังเพลง "Can't Help Falling In Love"

เพลงนี้เป็นหนึ่งในเพลงของ Elvis ที่คนไทยรู้จักมากที่สุด อาจเป็นเพลงบัลลาดที่ดีที่สุดของเขาก็ว่าได้ ทีมผู้แต่งคือ Hugo Peretti, Luigi Creatore และ George David Weiss เป็นทีมเดียวกันกับทีมที่แต่งเนื้อภาษาอังกฤษให้กับเพลง "Mbube" ของวง The Tokens หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า "The Lion Sleeps Tonight" ส่วนทำนองเมโลดี้ดัดแปลงมาจากเพลงภาษาฝรั่งเศสชื่อ Plaisir D’Amour ของ Jean-Paul Egide-Martini ชาวเยอรมันในปี 1784

แรกเริ่มเดิมทีทีมงานและโปรดิวเซอร์ไม่ชอบเพลงนี้หลังจากได้ฟังเทปเดโม แต่ Elvis ยืนกรานที่จะนำเพลงนี้มาร้องให้ได้ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าเศร้าที่ชี้ให้เห็นว่าบางครั้ง Elvis มีวิสัยทัศน์ในการตัดสินใจดีกว่าทีมงาน แต่หลายครั้ง Elvis ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้นด้วยเหตุผลของธุรกิจที่เขาอยู่ใต้สัญญาผูกขาดเว้นแต่เจ้าของธุรกิจจะเห็นดีด้วย และก็ถือเป็นความโชคดีที่เพลงนี้ได้รับความเห็นชอบ

Elvis ร้องเพลงนี้ได้ดี งานโปรดักชั่นสมบูรณ์แบบโดยมีวง The Jordanaires มาเติมเต็มเสียงร้องประสานได้อย่างกลมกลืน ส่วนมือกลองได้ Hal Blaine มือกลองรับจ้างซึ่งต่อมามีผลงานกับศิลปินดังๆมากมายอย่าง The Beach Boys, Simon & Garfunkel, John Denver เป็นต้น

ในส่วนของเนื้อร้องดูเหมือนมีความหมายแอบแฝงอยู่ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้อง โดย Elvis ร้องว่า ‘Shall I stay?/Would it be a sin?’ (ฉันควรอยู่ต่อไหม มันจะบาปไหม) แต่ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป เขาแพ้ใจตัวเองเมื่อเขาร้องว่า ‘Take my whole life too’… ‘Somethings are meant to be’

เพลงสุดท้ายที่ Elvis ร้องให้แฟนเพลงฟัง..

เพลง "Can't Help Falling in Love" กลายเป็นเพลงฮิตที่ Elvis นำมาร้องปิดท้ายคอนเสิร์ตในปลายยุค 60s และยุค 70s เรื่อยมาจนคอนเสิร์ตสุดท้ายของเขาเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ปี 1977 ก่อนจะเสียชีวิตในอีกไม่ถึง 2 เดือน แม้จะปรับจังหวะให้เร็วกว่าเวอร์ชั่นภาพยนตร์ แต่ก็ยังคงความเป็นอมตะให้เรานึกถึงและร้องตามได้จนถึงทุกวันนี้..วันนี้ในอดีตกับเพลง "Can't Help Falling In Love"

วี welove / 22 February 2023

ติดตามทางเพจ Facebook

ติดตามทาง Line

ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.info

    15