วี welove

6 เม.ย. 20221 นาที

ตามติด "Elvis" กับเรื่องราววุ่นๆช่วงก่อนและหลังการเป็นทหาร

Elvis Presley เข้ารายงานตัวกับกองทัพสหรัฐในวันที่ 24 มีนาคมปี 1958 (พ.ศ.2501) และประจำการอยู่ที่เมืองฟอร์ตฮูด รัฐเท็กซัส ช่วงเวลานั้นเขายังคงบันทึกเสียง อีกทั้งยังให้พ่อแม่ย้ายมาอยู่ในเมืองคิลลีน รัฐเท็กซัสเพื่อมาอยู่ใกล้ๆกัน หลังจากนั้นอีก 4 เดือนกว่า 'Gladys' แม่ของ Elvis ก็จากไปในวันที่ 14 สิงหาคม และในวันที่ 1 ตุลาคมปีนั้นเขาก็บินไปประจำการที่เมือง Bad Nauheim ประเทศเยอรมันตะวันตกอย่างที่เราทราบกัน

Elvis เข้ารายงานตัววันแรก ( 24 มีนาคม ปี 1958 ) ภาพจาก Gettyimages

แม้ว่า Elvis จะห่างหายไปจากหน้าจอทีวีและหายไปจากการปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะชน แต่ความนิยมในตัวเขากลับมากยิ่งขึ้น จากการโปรโมทของผู้พันปาร์คเกอร์ (Colonel Parker) ทั้งผลงานเพลงใหม่และปล่อยข่าวของเอลวิสออกมาอย่างต่อเนื่อง จนในเดือนธันวาคมปี 1958 Elvis แซงหน้า Bing Crosby กลายเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาล

"Welcome Home Elvis"

Elvis ปลดประจำการและบินกลับสหรัฐในวันที่ 2 มีนาคมปี 1960 (พ.ศ.2503) หลังจากนั้นอีกเพียง 3 สัปดาห์ (26 มีนาคม ปี 1960) เขาก็ออกรายการทีวี 'The Frank Sinatra-Timex Special' ใช้ชื่อรายการในวันนั้นว่า "Welcome Home Elvis" ด้วยค่าตัว $125,000 โดยเอลวิสปรากฏตัวในรายการเพียง 8 นาที เป็นการออกทีวีครั้งแรกของเอลวิสในรอบ 3 ปีอีกด้วย

และในวันที่ 8 เมษายนปีนั้น อัลบั้ม 'Elvis Is Back' ก็ออกวางจำหน่าย เป็นอัลบั้มระบบเสียง stereo อัลบั้มแรกของเอลวิส และทำยอดขายเกิน 1 ล้านเหรียญในอีก 3 สัปดาห์ต่อมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร้อนแรงของเอลวิสที่ยังคงไม่จืดจางหายไปไหน ไม่เหมือนกับที่เจ้าตัวเคยกลัวก่อนหน้านั้น โดยอัลบั้มชุดนี้เอลวิสใช้เวลาบันทึกเสียงเพียง 4 วัน (20-21 มีนาคม และ 3-4 เมษายนปี 1960)


ความกังวลของ Elvis

ขอย้อนกลับไปตอนที่ Elvis ได้รับหนังสือเรียกตัวจากกองทัพในวันที่ 20 ธันวาคมปี 1957 (พ.ศ.2500) ตอนนั้น Elvis เพิ่งย้ายมาอยู่ Graceland ไม่ถึงปี เหตุการณ์ในวันนั้น Lamar Fike เพื่อนสนิทของเอลวิสเล่าให้ฟังว่า เอลวิสถึงกับตกใจและถามเขาว่า "นี่มันอะไรกัน" แน่นอนว่ารายได้ของเอลวิสจะหายไปมหาศาลจาก $200,000 เหลือเพียง $78 เท่านั้น

Elvis โชว์เอกสารการเกณฑ์ทหารช่วงก่อนคริสต์มาสปี 1957 ที่ Graceland

Elvis กังวลกับอนาคต เขากำลังอยู่ในจุดสูงสุดในอาชีพการเป็นนักร้อง การเข้ารับราชการทหารเป็นเวลานานถึง 2 ปีจะทำให้เขาหายไปจากแวดวงบังเทิง หายไปจากตารางอันดับเพลง และเมื่อกลับมาอีกครั้งเขาอาจจะไม่โด่งดังเหมือนเดิมเฉกเช่นเดียวกันกับศิลปินคนอื่นๆอย่าง Eddie Fisher จึงไม่น่าแปลกใจที่ Elvis ไม่ชอบการเป็นทหารพอๆกับผู้พันปาร์คเกอร์ แต่ก็ต้องยอมรับมัน

มีหลายคนตั้งข้อสังเกตุว่าการที่เอลวิสได้รับใบเรียกตัว อาจจะเป็นแผนการของรัฐบาลที่ต้องการหยุดเอลวิสจากการแสดงอันร้อนแรงหน้าเวทีอีกต่อไป แต่มันไม่มีเหตุผลเลยถ้าเอลวิสคือบุคคลที่สร้างรายได้ให้กับประเทศชาติจากการเสียภาษีมากมายขนาดนั้น รัฐบาลจึงควรสนับสนุนเขาต่างหาก

อย่างไรก็ตามหลังจากการเรียกตัว เอลวิสยังมีภารกิจที่ยังค้างคาอยู่กับการถ่ายทำหนัง 'King Creole' เขาจึงขอผ่อนผันต่อไปอีก 3 เดือน ซึ่งทางกองทัพก็ไม่ติดขัด


"Elvis" อภิสิทธิ์ชน จริงเหรอ ?

การที่เอลวิสเข้าไปเป็นทหารรับใช้ชาติให้กับกองทัพ ทำให้ภาพของเอลวิสดูดี เป็นตัวอย่างที่ดีของเยาวชน แต่รู้ไหมว่าเอลวิสแทบจะไม่ได้ทำอะไรมากมายเหมือนกับพลทหารคนอื่นๆ เพราะเอลวิสคือปัญหาใหญ่ของกองทัพ ชาวอเมริกันรอฟังดูข่าวสารของเอลวิสจากกองทัพ ชื่อเสียงของเอลวิสดังยิ่งกว่าประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์เสียอีก คงไม่อยากให้มีข่าวไม่ดีหลุดออกมาจากกองทัพ

ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครกล้าเรียกใช้เอลวิสในกองทัพ เพราะเป็นคำสั่งจากทำเนียบขาว ทุกอย่างที่เอลวิสทำในนั้นต้องเก็บเป็นความลับ และไม่ให้ CIA หรือใครก็ตามเข้าไปใกล้เขาระหว่างที่เอลวิสรับใช้ชาติอยู่ที่เยอรมันตลอด 18 เดือน อย่างไรก็ตามแม้เอลวิสจะได้รับการปฏิบัติตัวดีและได้ความเป็นส่วนตัว แต่เขาก็ยังปฏิบัติตัวและทำกิจวัตรของทหารเหมือนพลทหารคนอื่นๆ

แม้จะดูเหมือนเอลวิสอยู่กินสบายภายใต้การดูแลของกองทัพ แตเอลวิสไม่เคยมีความสุขกับการเป็นทหาร เขาไม่ชอบอยู่ในกองทัพ ภาพที่เราเห็นเอลวิสดูยิ้มแย้มแจ่มใสในชุดเครื่องแบบทหาร เป็นอะไรที่เขาพยายามทำให้ภาพออกมาดูดีที่สุด เอลวิสรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

ภาพนี้น่าจะตอบคำถามแทนเอลวิสได้ดีที่สุดเกี่ยวกับชีวิตทหาร


เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยระหว่างทาง

  • แม้ Elvis จะมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่เขาไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงโชว์ "USO" (United Service Organizations) ที่เป็นขวัญกำลังใจให้กับเหล่าทหารอย่างที่ Bob Hope ทำมาโดยตลอด เอลวิสปฏิเสธคำขอของบ็อบโฮประหว่างที่เขาซ้อมรบ เพราะอากาศหนาวเย็นมาก แม้เขาจะทำได้ แต่เขาก็ปฏิเสธ

  • ตอนที่เอลวิสมาถึงเยอรมันโดยทางเรือ เรือมาขึ้นฝั่งที่เมืองเบรเมอร์ฮาเวน เขาถูกรายล้อมด้วยนายทหารและถูกนำตัวเข้าแคมป์ที่พักทันที หน้าที่แรกที่เอลวิสต้องทำเหมือนพลทหารคนอื่นๆก็คือเป็นหน่วยยามดูแลพื้นที่เล็กๆ แต่กลับสร้างปัญหาให้กับหน่วยงานที่ต้องใชัพลทหาร 30 นายพาเอลวิสฝ่าฝูงชนที่มารายล้อมเขาออกมาหลังจากที่เสร็จภารกิจ

  • ตอนกลับมาถึงอเมริกา พวกเขาขึ้นรถไฟที่เมืองฟอร์ดดิซ รัฐนิวเจอร์ซี ซึ่งเป็นจุดที่ผู้พันปาร์คเกอร์มารับเอลวิสและมาร่วมสมทบการเดินทางด้วย พวกเขานั่งตู้โบกี้พิเศษส่วนตัวของประธานาธิบดีซึ่งพ่วงห้อยอยู่ท้ายตู้ ในนั้นมี 3 ห้องนอน มีห้องนั่งเล่น ห้องอาหาร มีครัวในตัว

ผู้พันปาร์คเกอร์มารับเอลวิสและมาร่วมสมทบการเดินทางด้วยในวันที่่เอลวิสกลับมาถึงอเมริกา

รถไฟผ่านเมืองไหนก็จะมีแฟนเพลงมาต้อนรับทุกสถานี เนื่องจากผู้พันปาร์คเกอร์ส่งข่าวให้แฟนเพลงรู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับกำหนดการนี้ ด้านหลังของรถไฟจะมีเฉลียงส่วนตัวซึ่งเอลวิสจะออกมาโบกมือ แจกลายเซ็นและคุยกับแฟนๆได้ เอลวิสและผู้ติดตามจะนั่งอยู่แต่บนรถไฟไม่มีการลงมาโยกย้ายเปลี่ยนตู้ขบวน เพราะถ้ามีการเปลี่ยนขบวนรถไฟ ตู้โบกี้ส่วนตัวนี้ก็จะถูกลากไปพ่วงต่อกับขบวนใหม่ทุกครั้งไป

  • หลังจากกลับมาจากการรับใช้ชาติ เอลวิสแทบจะทำงานได้ในทันที เนื่องจากผู้พันปาร์คเกอร์ได้ติดต่อดิวต่างๆไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว เขาสามารถไปแสดงหนังถ่ายทำหนังได้ทันที ซึ่งภาพยนต์ที่รอเขาอยู่คือ GI Blues อีกทั้งมีรายการทางทีวีจ่อคิวไว้ล่วงหน้าดังได้กล่าวมาแล้ว

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ Elvis: Truth, Myth & Beyond: An Intimate Conversation With Lamar Fike, Elvis' Closest Friend & Confidant By L.E. McCullough and Harold F. Eggers เป็นการเล่าเรื่องโดยเพื่อนสนิทของเอลวิสที่ชื่อ Lamar Fike

วี welove / 6 April 2022

ติดตามทางเพจ Facebook

ติดตามทาง Line

ติดตามทางเว็บไซต์ welovechannel.info

    13